การรายงานแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน [Improvement Plan] ของปีการศึกษา 2567
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ปีการศึกษา 2566
และตามปัญหา/อุปสรรคต่างๆ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา
วิทยาลัยการออกแบบ
หลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบภายใน

จุดแข็งและแนวทางเสริมจุดแข็ง

# ปัญหา/อุปสรรค/ข้อคิดเห็นในปีที่ผ่านมา แนวทางการปรับปรุง/ พัฒนา โครงการ/ กิจกรรมที่รองรับ ผู้รับผิดชอบ
1) หลักสูตรมีคะแนนเฉลี่ยรวมคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. 2561 ที่อยู่ในระดับดีมาก และมีค่าร้อยละอัตราการมีงานทำของบัณฑิตอยู่ในระดับดีมาก คอยทำการสำรวจ และ สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บัณฑิต และ คนในอุตสาหกรรมการออกแบบภายใน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของอัตราร้อยละของการมีงานทำของบัณฑิต กิจกรรมร่วมกับผู้ใช้บัณฑิต และองค์กรภายนอก เช่น การส่งนักศึกษาไปฝึกงาน หรือ การให้นักศึกษาเข้าร่วมประกวด หรือสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน
2) หลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบภายใน มีเป้าหมายการรับนักศึกษาจำนวน 60 คน (แผนการรับของหลักสูตร) ซึ่งในปีการศึกษา2566 มีนักศึกษาเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรจำนวนทั้งสิ้น 77 คนแบ่งเป็นนักศึกษาไทยจำนวน 52 คน และนักศึกษานานาชาติจำนวน 25 คน เกินเป้าหมายที่ทางหลักสูตรตั้งไว้ ทั้งนี้หลักสูตรออกแบบภายในได้จัด โครงการประชาสัมพันธ์และแนะแนวทางการเรียนสาขาวิชาออกแบบภายในกับบุคคลภายนอก (ทดลองเรียน ในวันที่ 27-28 มีนาคม 2567) โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่ปรับแนวทางจากโครงการ SoReal Workshop ในปีก่อนๆ ทางหลักสูตรจะดำเนินการรับนักศึกษาต่างชาติเพื่อรักษาจำนวนภาพรวมของนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษาต่อไป รวมไปถึงการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์และแนะแนวทางการเรียนสาขาวิชาออกแบบภายในกับบุคคลภายนอกในปีการศึกษานหน้า โครงการประชาสัมพันธ์และแนะแนวทางการเรียนสาขาวิชาออกแบบภายในกับบุคคลภายนอก อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน
3) หลักสูตรมีโครงการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาและการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่หลากหลาย โดยใช้รายวิชาเป็นตัวกำหนดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างนักศึกษาให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างชัดเจน มีผลประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อ การพัฒนาศักยภาพนักศึกษา และการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับดีมาก เฉลี่ยที่ 4.42 หลักสูตรควรประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้รายทักษะ ในลักษณะ ร้อยละ skill learning outcome , trend และ impact เพื่อนำผลประเมินมาปรับปรุงกระบวนการ mapping และเนื้อหา ของรายวิชา หรือ ของกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ  เทียบกับทักษะต่างๆ ทำการปรับปรุงการเรียนการสอนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง แทรกกิจกรรมในรายวิชาต่างๆของหลักสูตร อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน
4) อาจารย์ประจำหลักสูตรเป็นผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในด้านองค์ความรู้ทางวิชาการเฉพาะสาขาออกแบบภายในและมีผลงานในระดับนานาชาติ ควรสนับสนุนส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ เตรียมการอบรมแนะแนวทางการทำตำแหน่งทางวิชาการแก่คณาจารย์ที่มีผลงานในระดับนานาชาติ การอบรม จัดพื่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ และ จัดทำคลินิกเพื่อแนะแนวทางสู่การทำตำแหน่งทางวิชาการ อาจารย์ฝ่ายวิชาการของหลักสูตร
5) หลักสูตรมีรายวิชาที่เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการอันหลากหลาย ควรรายงานผลลัพธ์รายวิชาที่เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการต่างๆ ว่ามีผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างไร เพื่อนำผลประเมินมาปรับปรุงกระบวนการ รวมทั้งหลักสูตรควรรายงานผลวิเคราะห์ stake holder need รายปีโดยเฉพาะความต้องการของผู้เรียน และอื่น ๆ เพื่อนำผลประเมินมาปรับเนื้อหารายวิชาที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน 1. ประเมินผลลัพธ์รายวิชาความร่วมมือกับสถานประกอบการ 2. วิเคราะห์ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Needs) หลังจบปีการศึกษา 2.1 จัดเก็บข้อมูลจากกลุ่ม stakeholders หลัก: - นักศึกษา: สำรวจความต้องการด้านเนื้อหา การสอน และทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดงาน - สถานประกอบการ: ระบุทักษะที่คาดหวังจากบัณฑิตผ่านแบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์ - ศิษย์เก่า: ศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหารายวิชากับการทำงานจริง 2.2 รายงานผลวิเคราะห์ Stakeholder Needs: - จัดกลุ่มความต้องการเป็นหมวดหมู่ เช่น ทักษะดิจิทัล การสื่อสาร การแก้ปัญหา 3. ปรับปรุงเนื้อหารายวิชาตามข้อมูลที่วิเคราะห์ การจัดประชุมกับสถานประกอบการ และ Stakeholders การจัดประชุมภายในหลักสูตร อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน

จุดที่ควรพัฒนาและข้อเสนอแนะในการปรับปรุง

# ปัญหา/อุปสรรค/ข้อคิดเห็นในปีที่ผ่านมา แนวทางการปรับปรุง/ พัฒนา โครงการ/ กิจกรรมที่รองรับ ผู้รับผิดชอบ
1) หลักสูตรควรประเมินผลลัพธ์ของกิจกรรมการเตรียมความพร้อมนักศึกษาใหม่นอกเหนือจากค่าความพึงพอใจในทุกกิจกรรมโครงการ ในลักษณะ outcome trend และ impact  ทั้งนี้หลักสูตรมีค่าอัตราการคงอยู่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่เรียนต่อชั้นปีที่ 2   เฉลี่ย 76.09% สามารถนำมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับการปรับปรุงกระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มอัตราการคงอยู่ดังกล่าว 1. พัฒนากรอบการประเมินกิจกรรมเตรียมความพร้อมนักศึกษาใหม่โดยเพิ่มตัวชี้วัดเชิงผลลัพธ์ เช่น - อัตราการคงอยู่ของนักศึกษา (Retention Rate) - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในชั้นปีที่ 1 - ทักษะการปรับตัวและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมมหาวิทยาลัย 2. วิเคราะห์แนวโน้มผลลัพธ์ (Outcome Trend) เป็นระยะ เพื่อติดตามประสิทธิภาพของกิจกรรมต่อเนื่อง 3. วางแนวทางปฏิบัติการศึกษาปัจจัยในกิจกรรมที่มีผลต่อการตัดสินใจคงอยู่หรือลาออกของนักศึกษา และ นำข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์มาปรับปรุงกระบวนการ การจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่าง อ. ที่ปรึกษา รวมไปถึง อ.ที่มีการสอนในรายวิชาของกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และตัวกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เอง โดยจัดกิจกรรมเป้นช่วงก่อนเริ่มปีการศึกษา และ หลังจบปีการศึกษาแรก อาจารย์ที่ปรึกษา หัวหน้าหลักสูตร และ อาจารย์ประจำหลักสูตร
2) จากเอกสารหลักฐาน อภบ.3.2.02 ผลสรุปแบบประเมินอาจารย์ที่ปรึกษา 2566 ไม่พบรายละเอียดหัวข้อย่อยในการประเมินอาจารย์ที่ปรึกษา ทำให้มองไม่เห็นจุดแข็งจุดอ่อนในรายละเอียดการควบคุมดูแล ให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อนำผลประเมินมาปรับปรุงระบบอาจารย์ที่ปรึกษา 1. ปรับปรุงแบบประเมินอาจารย์ที่ปรึกษาให้มีหัวข้อย่อยชัดเจน เช่น - ความถี่และคุณภาพการให้คำปรึกษา - การติดตามผลการเรียนของนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง - การสนับสนุนด้านจิตใจและทักษะการปรับตัว - การสื่อสารกับนักศึกษา (ช่องทางและประสิทธิภาพ) 2. ออกแบบแผนพัฒนาอาจารย์ที่ปรึกษาแบบมีส่วนร่วม โดยอาจจะจัดการจัดเวิร์กช็อประดมสมองกับอาจารย์ที่ปรึกษาและตัวแทนนักศึกษา เพื่อออกแบบแนวทางการให้คำปรึกษาที่ตอบโจทย์ 1. เวิร์กช็อประดมสมองกับอาจารย์ที่ปรึกษาและตัวแทนนักศึกษา 2. การจัดการประชุมภายในหลักสูตร หัวหน้าหลักสูตร และ อาจารย์ประจำหลักสูตร
3) หลักสูตรไม่ได้ใช้แบบฟอร์ม rqf.5 ใหม่ แต่ใช้ มคอ.5 เก่า จึงไม่เห็นการรายงานร้อยละสัมฤทธิผลการเรียนรู้รายวิชาตาม tqf.5 หรือ doe3 แต่หลักสูตรมารายงานภาพรวม สัมฤทธิผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแยกตาม tqf.5 ใน rqf.7 จึงมองไม่เห็นการเชื่อมโยงค่าร้อยละสัมฤทธิผลที่เฉลี่ยมาจริงจาก rqf.5 1. ปรับใช้แบบฟอร์ม RQF.5 ตามมาตรฐานใหม่ แจ้งเป็นวาระการประชุมให้กับ อ.ทุกท่านในที่ประชุมหลักสูตร เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติ อาจารย์หัวหน้าหลักสูตร และ ฝ่ายวิชาการของหลักสูตร
4) หลักสูตรอาจวิเคราะห์ จำนวนสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลที่เพียงพอและเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนแยกตามรายวิชากลุ่มพื้นฐาน และกลุ่มวิชาออกแบบ เพื่อประเมินความเพียงพอ ทันสมัย และตอบโจทย์ผลลัพธ์การเรียนรู้ ทางสาขามีแนวทางการปรับปรุงตามนี้ 1. จัดประเภทและวิเคราะห์ทรัพยากรสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้แยกตามกลุ่มรายวิชา 2. ประเมินความเพียงพอและทันสมัยของทรัพยากรสิ่งสนับสนุน 3. เชื่อมโยงทรัพยากรกับผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) 4. จัดเก็บข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น 5. จัดทำแผนปรับปรุงทรัพยากรสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ 1. จัดประชุมอาจารย์ประจำหลักสูตร เพื่อทำการวิเคราะห์ทรัพยากรสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ 2. จัด workshop กลุ่มตัวอย่างของนักศึกษาเพื่อทำการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการในสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน
5) คณาจารย์ของหลักสูตรยังขาดคุณวุฒิปริญญาเอก และตำแหน่งทางวิชาการ แม้ว่าทางหลักสูตรได้จัดทำแผนการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์แต่ละท่าน ดังนั้น หลักสูตรต้องกำกับ ติดตามให้เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร คณาจารย์ควรพัฒนางานและได้รับการส่งเสริมด้านงานวิจัย เพื่อสามารถสร้างสรรค์งานวิชาการไปสู่ แนวทางการปรับปรุง (1) กำหนดรายชื่อของผู้ที่ใกล้ครบรอบยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการเพื่อผลิตและส่งผลงานสร้างสรรค์เข้าจัดแสดงเพื่อนำมาต่อยอดการส่งขอตำแหน่งทางวิชาการ (2) ดำเนินจัดคลินิกอบรมการเขียนบทความประกอบชิ้นงานสร้างสรรค์สำหรับอาจารย์ผู้ส่งผลงานสร้างสรรค์ เพื่อใช้ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ 1. กำหนดรายชื่อของผู้ที่ใกล้ครบรอบยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการเพื่อผลิตและส่งผลงานสร้างสรรค์เข้าจัดแสดงเพื่อนำมาต่อยอดการส่งขอตำแหน่งทางวิชาการ 2. ดำเนินจัดคลินิกอบรมการเขียนบทความประกอบชิ้นงานสร้างสรรค์สำหรับอาจารย์ผู้ส่งผลงานสร้างสรรค์ เพื่อใช้ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ การจัดการอบรมแนวทางการทำตำแหน่งวิชาการ อาจารย์ฝ่ายวิชาการของหลักสูตร
6) นักศึกษามีการทำโครงงาน สร้างผลงานที่หลากหลาย จึงควรผลักดันให้ผลงานเหล่านั้นได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับทั้งระดับชาติและนานาชาติ แนวทางการปรับปรุง โครงการของนักศึกษา ควรมีการวางแผนให้ตรงกับความต้องการและยุทธศาสตร์ชาติ นอกจากนี้นักศึกษามีการทำโครงงาน สร้างผลงานที่หลากหลาย จึงควรผลักดันให้ผลงานเหล่านั้นได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับทั้งระดับชาติและนานาชาติ ควบคู่กับคณาจารย์ 1. วางแผนให้ตรงกับความต้องการและยุทธศาสตร์ชาติ 2. ผลักดันให้ผลงานเหล่านั้นได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับทั้งระดับชาติและนานาชาติ ควบคู่กับคณาจารย์ 3. จัดทำโครงการสนันสนุนนักศึกษาในการจัดส่งผลงานประกวด 4. สร้างความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้สร้างผลงานจริง หรือมีผลงานเป็นที่ประจักษ์กับบุคคลภายนอกสถาบัน 1. โครงการเผยแพร่ผลงานนักศึกษาสาขาออกแบบภายใน 2. ความร่วมมือกับองค์กรภายนอกในรายวิชาต่างๆ อาจารย์หัวหน้าหลักสูตร และ อาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการ และ ที่ปรึกษาโครงงานต่างๆ ที่สัมพันธ์กับยุทธศาสตร์ชาติ
7) การประชาสัมพันธ์หลักสูตรอาจมีความหลากหลายช่องทางให้มากขึ้น เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มนักเรียนที่สนใจ จนสามารถเพิ่มยอดนักศึกษาใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหลักสูตร แนวทางการปรับปรุง (1) จัด workshop ร่วมกับโรงเรียนมัธยมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นเป็นการบริการวิชาการ และ เป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรไปในเวลาเดียวกัน (2) เพิ่มช่องทาง social network และ channel ต่างๆ และแต่งตั้งผู้ดูแลเพื่อคอยปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่ตลอด (3) เพิ่มช่องทางการทำความร่วมมือกับรร.ในต่างประเทศ 1. จัด workshop ร่วมกับโรงเรียนมัธยมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นเป็นการบริการวิชาการ และ เป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรไปในเวลาเดียวกัน 2. เพิ่มช่องทาง social network และ channel ต่างๆ และแต่งตั้งผู้ดูแลเพื่อคอยปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่ตลอด 3. เพิ่มช่องทางการทำความร่วมมือกับรร.ในต่างประเทศ 1. โครงการประชาสัมพันธ์และแนะแนวทางการเรียนสาขาวิชาออกแบบภายในกับบุคคลภายนอก อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่าน
8) ด้านความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต แนวทางการปรับปรุง ควรมีการสร้างกลไกให้เกิดเครือช่าย นักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่า ตลอดจนเครือข่ายผู้จ้างงานและผู้ใช้บัณฑิต สร้างกิจกรรมร่วมกับสมาคมศิษย์เก่าสาขาวิชาออกแบบภายใน มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อสร้างเครือข่ายในการติดต่อกับผู้ใช้บัณฑิตในอุตสาหกรรมการออกแบภายใน กิจกรรมร่วมกับสมาคมศิษย์เก่า อาจารย์หัวหน้าหลักสุตร และ ประจำหลักสูตรทุกท่าน