รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ปีการศึกษา 2567

หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

วันที่ประเมิน: 7 กรกฏาคม 2568, 09:30น.

องค์ประกอบที่ 1 การกำกับมาตรฐาน

[ตัวบ่งชี้ 1.1] การบริหารการจัดการหลักสูตรตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร

เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
1. จำนวนอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อคิดเห็น
จำนวนอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรครบ 5 ท่าน
  • ผศ.ดร.สรพงษ์ วงศ์ธีระธรณ์
  • ผศ.ปดัทมา ธนภาสรณ์
  • ผศ.ธิราภรณ์ กลิ่นสุคนธ์
  • อาจารย์คมศร สนองคุณ
  • อาจารย์รพีวรรณ กลยนี
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
2. คุณสมบัติอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม

ระบุชื่ออาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่ผลงานวิชาการในรอบ 5 ปี หมดอายุในปีการศึกษาที่ตรวจ (ต้องเพิ่มผลงานชิ้นใหม่ในปีการศึกษาหน้า)

- ไม่มี
ข้อคิดเห็น
  • อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทั้ง 5 คน มีคุณวุฒิระดับปริญญาโทขึ้นไปตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชา และมีผลงานทางวิชาการย้อนหลังในรอบ 5 ปีตามเกณฑ์ครบทุกคน โดยเฉพาะผศ.ดร.สรพงษ์ วงศ์ธีระธรณ์ ที่มีผลงานล่าสุดในปีการศึกษา 2567 จำนวน 24 ชิ้น จึงถือว่าผ่านเกณฑ์คุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
[สำหรับประเภทวิชาชีพ/ปฏิบัติการ]
อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จำนวน 2 ใน 5 คน ต้องมีประสบการณ์ในด้านการปฏิบัติการ
ระบุข้อคิดเห็น
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
3. คุณสมบัติอาจารย์ประจำหลักสูตร
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม

ระบุชื่ออาจารย์ประจำหลักสูตรที่ผลงานวิชาการในรอบ 5 ปี หมดอายุในปีการศึกษาที่ตรวจ (ต้องเพิ่มผลงานชิ้นใหม่ในปีการศึกษาหน้า)

- ไม่มี
ข้อคิดเห็น
  • อาจารย์ประจำหลักสูตรทั้ง 5 ท่านมีคุณวุฒิที่ตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชานิเทศศาสตร์อย่างชัดเจน และมีผลงานทางวิชาการในรอบ 5 ปี (นับถึงปีการศึกษา 2567) ครบถ้วนทุกคน โดยเฉพาะ ผศ.ดร.สรพงษ์ วงศ์ธีระธรณ์ และ ผศ.ปณัทมา ธนภาสรณ์ มีผลงานมากกว่า 5 ชิ้นในช่วงเวลาดังกล่าว จึงถือว่าหลักสูตรมีคุณสมบัติด้านอาจารย์ประจำครบถ้วนตามเกณฑ์กระทรวงฯ
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
4. คุณสมบัติอาจารย์ผู้สอน ที่เป็นอาจารย์ประจำ
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อคิดเห็น
  • ปริญญาเอก 2 ท่าน (1 ประจำหลักสูตร + 1 อาจารย์ประจำคณะ)
  • ปริญญาาโท 4 ท่าน (4 ประจำหลักสูตร)
  • หลักสูตรได้ระบุรายชื่ออาจารย์ประจำที่สอนรายวิชาในหลักสูตรอย่างชัดเจน โดยระบุวุฒิการศึกษา สาขา ชื่อสถานศึกษา และปีที่สำเร็จการศึกษาอย่างครบถ้วน โดยอาจารย์ทั้งหมดมีคุณวุฒิระดับปริญญาโทขึ้นไปในสาขาที่ตรงหรือสัมพันธ์กับนิเทศศาสตร์และการสื่อสาร จึงถือว่าผ่านเกณฑ์คุณสมบัติของอาจารย์ผู้สอนที่เป็นอาจารย์ประจำตามแนวทางกระทรวงอย่างครบถ้วน
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
คุณสมบัติของอาจารย์ผู้สอน ที่เป็นอาจารย์พิเศษ
ข้อคิดเห็น
  • หลักสูตรได้ระบุชื่ออาจารย์พิเศษที่สอนในรายวิชาของหลักสูตร พร้อมระบุวุฒิการศึกษา สาขาวิชา ปีที่สำเร็จการศึกษา และประสบการณ์วิชาชีพอย่างครบถ้วน อาทิเช่น อ.วิบูลย์ เลาหะเพ็ญแสง ผู้มีประสบการณ์ตรงในวงการประชาสัมพันธ์ระดับองค์กร และ อ.ดร.จิรายุ สุภาพรรณ ผู้มีประสบการณ์ทั้งด้านงานสื่อและการสอนในระดับอุดมศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าอาจารย์พิเศษมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ผ่านครบถ้วน
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมิน
10. การปรับปรุงหลักสูตรตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อคิดเห็น
  • ปรับปรุงครั้งต่อไป 2568->2569 เข้าสู่เกณฑ์ 2565
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ผลการประเมินจากผลการดำเนินงาน ตัวบ่งชี้ 1.1

องค์ประกอบที่ 2 การผลิตบัณฑิต

[ตัวบ่งชี้ 2.1] คุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และ ด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561

หมายเหตุ : *
(1) จำนวนบัณฑิตทั้งหมด หมายถึง ผู้รับปริญญา ในปีการศึกษา 2566 ประกอบด้วย บัณฑิตที่จบภาคการศึกษา 1/2566 , 2/2566 และ S/2567 [ปีต้องอัพเดตตามปีการศึกษาที่ประเมินย้อนหลัง 1 ปี]
(2) จำนวนบัณฑิตที่รับการประเมินจากผู้ใช้บัณฑิตต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาตาม (ข้อ1)

ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
จำนวนบัณฑิตทั้งหมด 16 4.72
จำนวนบัณฑิตที่ได้รับการประเมินทั้งหมด 8
คะแนนเฉลี่ยรวมคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. 2561 4.72
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรสามารถดำเนินการติดตามผลคุณภาพบัณฑิตได้อย่างต่อเนื่อง และได้รับแบบประเมินจากผู้ใช้บัณฑิตในสัดส่วนที่สูงถึง 50% ซึ่งเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยผลการประเมินทั้งในด้านคุณภาพบัณฑิตและผลลัพธ์ผู้เรียนเฉลี่ยอยู่ในระดับดีมาก (4.72) สะท้อนถึงการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสมรรถนะตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2561

จุดเด่น คะแนนเฉลี่ยด้าน “คุณธรรมจริยธรรม” (4.80) และ “ความเป็นผู้เรียนรู้” (4.79) อยู่ในระดับสูง แสดงถึงการปลูกฝังคุณลักษณะเชิงจิตพิสัยที่เข้มแข็ง

แนวทางเสริม ควรจัดทำรายงานวิเคราะห์เชิงคุณภาพเพิ่มเติมจากผู้ใช้บัณฑิตในเชิงลึก เช่น ความสามารถด้านการปรับตัวในองค์กรยุคดิจิทัล หรือทักษะการสื่อสารในภาวะวิกฤต เพื่อใช้พัฒนารายวิชาให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้น
- คุณภาพบัณฑิตเป็นไปตามกรอบคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะมีสัดส่วนการประเมินจากผู้ใช้บัณฑิตสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ และผลประเมินโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก แต่ยังมีจุดที่ควรพัฒนาในด้านการจัดเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพเพิ่มเติมจากผู้ใช้บัณฑิต เนื่องจากข้อมูลที่แสดงในรายงานเน้นเชิงปริมาณเป็นหลักและยังไม่แสดงรายละเอียดความคิดเห็นเชิงลึกจากผู้ประเมิน

          แนวทางปรับปรุงที่เหมาะสมคือการแนบสรุปข้อความสะท้อนจากผู้ใช้บัณฑิต เช่น จุดแข็งในการทำงาน ทักษะที่ควรเสริม และข้อเสนอแนะเชิงพฤติกรรม เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ อีกทั้งควรพิจารณาจัดเก็บข้อมูลจากผู้ใช้บัณฑิตในหลากหลายอุตสาหกรรมให้ครอบคลุมมากขึ้นในรอบถัดไป เพื่อสะท้อนความหลากหลายของตลาดงานและบริบทของบัณฑิตในยุคใหม่
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

[ตัวบ่งชี้ 2.2] ร้อยละของบัณฑิตปริญญาตรีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระภายใน 1 ปี

หมายเหตุ : *
(1) จำนวนบัณฑิตทั้งหมด จะต้องตรงกับตาราง ตัวบ่งชี้ 2.1
(2) จำนวนบัณฑิตที่ตอบแบบสำรวจจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา

ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
จำนวนบัณฑิตทั้งหมด 16 4.62
จำนวนบัณฑิตที่ตอบแบบสำรวจ 14
จำนวนบัณฑิตที่ได้งานทำหลังสำเร็จการศึกษา [มีงานทำในองค์กร] 5
จำนวนบัณฑิตที่ได้งานทำหลังสำเร็จการศึกษา [ประกอบอาชีพอิสระ] 0
จำนวนบัณฑิตที่ได้งานทำหลังสำเร็จการศึกษา [ประกอบกิจการส่วนตัว/ธุรกิจครอบครัว] 7
จำนวนบัณฑิตที่ไม่ได้งานทำ 1
จำนวนบัณฑิตที่ศึกษาต่อ 1
จำนวนบัณฑิตที่อุปสมบท 0
จำนวนบัณฑิตที่เกณฑ์ทหาร 0
จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาที่มีงานทำก่อนเข้าศึกษา 0
ร้อยละที่ได้ 92.31
ผลลัพธ์ที่ได้ 4.62
เงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยของผู้สำเร็จการศึกษาที่ได้งานทำ หรือประกอบอาชีพอิสระ (บาท) 20000.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการติดตามภาวะการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2566 อย่างครบถ้วน โดยมีผู้ที่มีงานทำหรือประกอบอาชีพอิสระรวม 12 คน จากผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมด 16 คน คิดเป็นร้อยละ 75 ซึ่งอยู่ในระดับที่สะท้อนถึงการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001 ถึง 20,000 บาท ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเริ่มต้นในสายงานนิเทศศาสตร์และการสื่อสาร

          จุดเด่นของหลักสูตรคือการผลิตบัณฑิตที่สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ภายในหนึ่งปีหลังสำเร็จการศึกษา โดยเฉพาะในภาคธุรกิจเอกชนและสายงานสื่อสารองค์กร

          แนวทางเสริมที่ควรดำเนินการในปีถัดไปคือการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ลักษณะองค์กร และลักษณะงานที่ทำ เพื่อวิเคราะห์ความสอดคล้องเชิงลึกระหว่างสมรรถนะผู้เรียนกับตลาดงาน และอาจพิจารณาจัดทำแบบรายงานผลการมีงานทำในรูปแบบ Dashboard หรือกราฟเปรียบเทียบระหว่างปี เพื่อสะท้อนแนวโน้มการจ้างงานของบัณฑิตอย่างเป็นระบบ
- จำนวนบัณฑิตที่ได้งานทำทั้งมีงานทำในองค์กรและประกอบกิจการส่วนตัว/ธุรกิจครอบครัวมีจำนวนมาก เห็นถึงความสำคัญของสาขาวิชาที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กรและสังคม

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้สัดส่วนผู้สำเร็จการศึกษาที่มีงานทำหรือประกอบอาชีพอิสระจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ยังมีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนหนึ่งที่ไม่ระบุสถานภาพการมีงานทำหรือไม่มีข้อมูลประกอบอย่างชัดเจน ส่งผลให้ไม่สามารถประเมินความครอบคลุมของการติดตามผลได้อย่างสมบูรณ์

          แนวทางปรับปรุงที่ควรดำเนินการคือการพัฒนาระบบติดตามภาวะการมีงานทำของบัณฑิตให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การใช้แบบสำรวจออนไลน์ร่วมกับการติดตามโดยอาจารย์ที่ปรึกษาหรือศิษย์เก่าสัมพันธ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลจากผู้สำเร็จการศึกษาทุกราย นอกจากนี้ควรจัดทำการวิเคราะห์ตำแหน่งงานและอุตสาหกรรมที่เข้าทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ปรับแนวทางการผลิตบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดในระยะยาว
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ผลการประเมิน เฉลี่ยองค์ประกอบที่ 2 (2 ตัวบ่งชี้) คะแนนที่ได้ 4.67 คะแนน

องค์ประกอบที่ 3 นักศึกษา

[ตัวบ่งชี้ 3.1] การรับนักศึกษา

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การรับนักศึกษา:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- มีการตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับการรับเข้านักศึกษา ทั้งประเด็นจำนวนนักศึกษา และประเด็นความพร้อมของ นศ 90% of target
- enroll by GPA submission and interview

- PR by
  • FB, school visit, open house, 

- หลักสูตรมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้เรียนอย่างชัดเจนตามระเบียบของมหาวิทยาลัยและสอดคล้องกับลักษณะของสาขาวิชา ทั้งในด้านวุฒิการศึกษา การสอบคัดเลือก และคุณลักษณะด้านจริยธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลไกการรับนักศึกษาที่ชัดเจนและเป็นระบบ

          แนวทางเสริมที่สามารถดำเนินการในปีถัดไปคือการวิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัครและผู้เข้าเรียนในแต่ละปีเพื่อประเมินคุณภาพของผู้เรียนที่เข้าสู่ระบบ และใช้เป็นฐานข้อมูลในการวางแผนการจัดการเรียนการสอน การจัดอาจารย์ที่ปรึกษา และการสนับสนุนการเรียนรู้ในช่วงปีแรกของหลักสูตร

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- หลักสูตรตรวจสอบกระบวนการรับนักศึกษาจากแบบประเมินความพึงพอใจ และเป้าหมายการรับนักศึกษา
- ดังนั้นกระบวนการปรับจึงน่าจะต้องปรับใน 2 ประเด็น คือ
  • ทำอย่างไรให้ หลักสุตรมีนักศึกษาเป็นไปตามเกณฑ์
  • ทำอย่างไรให้ นศ ที่รับเข้ามีความพร้อมในการเรียน (เรียนได้ เรียนดี และเรียนต่อ)  

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครและเป้าหมายการรับนักศึกษาไว้ชัดเจน รวมถึงมีตัวชี้วัดด้านความพร้อมของผู้เรียนใหม่ในระดับพื้นฐาน แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่เปิดรับตามจำนวนผู้สมัคร โดยไม่มีการคัดเลือกเชิงแข่งขัน จึงทำให้ไม่สามารถใช้กลไกการรับนักศึกษาเพื่อควบคุมคุณภาพเบื้องต้นของผู้เรียนได้มากนัก

          แนวทางปรับปรุงคือการพัฒนาเครื่องมือประเมินความพร้อมของผู้เรียนภายหลังการรับเข้า เช่น แบบประเมินทักษะเบื้องต้นด้านการสื่อสารหรือความเข้าใจเนื้อหาด้านนิเทศศาสตร์ระดับพื้นฐาน เพื่อใช้วางแผนการจัดกิจกรรมเสริมทักษะหรือการสอนชดเชยในกลุ่มนักศึกษาใหม่ให้ตรงกับศักยภาพของแต่ละคน รวมถึงควรมีรายงานวิเคราะห์อัตราการคงอยู่และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนใหม่ในแต่ละปี เพื่อชดเชยข้อจำกัดของการรับเข้าที่ไม่ผ่านการคัดเลือก
 

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาใหม่:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- ปฐมนิเทศ + ทางด้านวิชาการ (ไม่พบการรอธิบาย และเกณฑ์การพิจารณาว่า ลักษณะใดที่ นศ ต้องเตีรยมความพร้อมทางวิชาการ)
- หลักสูตรมีระบบการเตรียมความพร้อมนักศึกษาใหม่ที่ดำเนินการร่วมกับระดับมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน โดยนักศึกษาใหม่ได้รับข้อมูลครบถ้วนทั้งด้านโครงสร้างหลักสูตร กฎระเบียบทางวิชาการ ระบบบริการนักศึกษา และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเรียนในระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยและส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกัน

          แนวทางเสริมที่สามารถดำเนินการได้ในระยะต่อไปคือการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมที่สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของสาขาวิชา เช่น เวิร์กช็อปเบื้องต้นด้านการสื่อสาร การพูดต่อหน้ากลุ่มชน หรือการเรียนรู้ศัพท์เทคนิคในงานประชาสัมพันธ์ระดับพื้นฐาน เพื่อช่วยให้นักศึกษาใหม่สามารถเข้าสู่รายวิชาเฉพาะได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำด้านพื้นฐานระหว่างผู้เรียน
- มีระบบดูแลนักศึกษาใหม่สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับนักศึกษาใหม่ได้เป็นอย่างดี

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- หลักสูตร ตั้งเป้าหมายว่านักศึกษาที่รับเข้า ต้องมีความพร้อมไม่น้อยกว่าร้อย 90 
          ในปีการศึกษา 2567 นักศึกษาที่รับเข้ามา 19 คน มีความพร้อมหรือไม่ อย่างไร มีกี่คนที่ต้องเข้ากระบวนการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ [หากอธิบายประเด็นนี้ด้วยจะชัดเจนมาก] 

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีกิจกรรมเตรียมความพร้อมนักศึกษาใหม่ในภาพรวม เช่น การปฐมนิเทศ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและระบบสนับสนุนการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของกิจกรรมเตรียมความพร้อมที่เฉพาะเจาะจงกับลักษณะของสาขาวิชาหรือมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมดังกล่าวในเชิงระบบ ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่านักศึกษาใหม่มีความเข้าใจต่อเนื้อหาวิชาเฉพาะหรือวัฒนธรรมทางวิชาชีพมากน้อยเพียงใด

          แนวทางปรับปรุงคือการออกแบบกิจกรรมเตรียมความพร้อมในเชิงวิชาชีพให้เหมาะสมกับธรรมชาติของสาขานิเทศศาสตร์ เช่น การจำลองสถานการณ์การสื่อสารในองค์กร เวิร์กช็อปพื้นฐานด้านการประชาสัมพันธ์ หรือการแนะนำรูปแบบการทำงานจริงในสายอาชีพ เพื่อช่วยให้นักศึกษาใหม่เกิดความเข้าใจเชิงลึกและสามารถวางเป้าหมายทางวิชาการของตนเองได้ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งนี้ควรมีการประเมินผลกิจกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงในรอบปีถัดไป
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

[ตัวบ่งชี้ 3.2] การส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
-
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การควบคุมการดูแลการให้คำปรึกษาวิชาการและแนะแนวแก่นักศึกษาปริญญาตรี:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีระบบการดูแลนักศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยมอบหมายอาจารย์ที่ปรึกษาให้รับผิดชอบนักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง และจัดให้มีการพบปะให้คำปรึกษาอย่างน้อยภาคการศึกษาละหนึ่งครั้ง รวมถึงเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านออนไลน์เพื่อให้นักศึกษาสามารถติดต่อขอคำแนะนำได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีการแนะแนวในเชิงวิชาชีพผ่านกิจกรรมฝึกงาน การจัดเสวนาอาชีพ และการเชิญศิษย์เก่ากลับมาแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งช่วยสร้างภาพรวมการดูแลนักศึกษาในมิติต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม

          แนวทางเสริมคือการรวบรวมข้อมูลสถิติและผลสะท้อนจากนักศึกษาเกี่ยวกับความพึงพอใจและประสิทธิภาพของการให้คำปรึกษา เพื่อใช้ประเมินผลและพัฒนาระบบการดูแลนักศึกษาให้มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์รายบุคคลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้าน เช่น ปัญหาทางการเรียน ปัญหาด้านสุขภาพจิต หรือการวางแผนอาชีพในสายงานสื่อสารองค์กรที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- มีระบบและกลไกในการควบคุมดูแลการให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาได้เป็นอย่างดี
- มีระบบและกลไกเรื่องธรรมาภิบาลในการจัดการข้อร้องเรียนของนักศึกษาซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากในยุคสมัยปัจจุบัน

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะมีการมอบหมายอาจารย์ที่ปรึกษาและจัดกิจกรรมแนะแนวทั้งในเชิงวิชาการและวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ปรากฏกลไกที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพของการให้คำปรึกษาในระดับรายบุคคลหรือภาพรวม เช่น ข้อมูลจำนวนนักศึกษาที่เข้ารับคำปรึกษาจริง ระยะเวลาการให้คำปรึกษา ความต่อเนื่องในการดูแล หรือผลลัพธ์เชิงพฤติกรรมจากการได้รับคำแนะนำ ซึ่งทำให้ไม่สามารถสะท้อนประสิทธิผลของการดูแลนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม

          แนวทางปรับปรุงคือการพัฒนาระบบการบันทึกและติดตามผลการให้คำปรึกษา รวมถึงการจัดเก็บความเห็นหรือระดับความพึงพอใจของนักศึกษาในแต่ละภาคการศึกษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมินผลและพัฒนาทักษะของอาจารย์ที่ปรึกษาให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักศึกษาได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่นักศึกษาเผชิญปัญหาเรื่องการเรียน ความเครียด หรือการวางแผนอาชีพในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
 

การพัฒนาศักยภาพนักศึกษาและการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- โครงการศักยภาพนักศึกษาและการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 บูรณาการกับรายวิชาต่าง ๆ 
- มีความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก

- หลักสูตรมีการส่งเสริมศักยภาพนักศึกษาและบูรณาการทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นระบบผ่านกิจกรรมหลากหลาย ทั้งในรายวิชาและกิจกรรมเสริมหลักสูตร เช่น การจัดเวิร์กช็อปด้านการคิดสร้างสรรค์ การฝึกฝนการทำงานเป็นทีมในรายวิชาปฏิบัติ การจัดกิจกรรมสาธารณะเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสาร และการส่งเสริมนักศึกษาให้เข้าร่วมแข่งขันหรือฝึกงานในหน่วยงานจริง โดยเฉพาะการบูรณาการการเรียนรู้ผ่านโครงงานวิชาเอกที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง

          แนวทางเสริมที่สามารถดำเนินการต่อยอดได้คือการจัดระบบสะสมผลงานของนักศึกษาในลักษณะแฟ้มสะสมงานหรือโปรไฟล์ดิจิทัลที่แสดงพัฒนาการของทักษะในแต่ละด้านอย่างเป็นรูปธรรม และควรมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญหรือศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจริงเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินหรือแนะแนวเพื่อเพิ่มมุมมองจากภายนอกเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ภายในหลักสูตร
- มีการวางแผนการเรียนและโครงการต่างๆ ที่ครอบคลุมด้านการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
- กิจกรรมหรือโครงการที่จัดขึ้นสอดคล้องกับสาขาวิชาฯ ทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีกิจกรรมส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การฝึกปฏิบัติในรายวิชา การอบรมเสริมทักษะ การทำโครงงาน และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ แต่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลไกการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมเหล่านี้ที่สามารถแสดงการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการสื่อสาร หรือการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ

          แนวทางปรับปรุงคือการออกแบบระบบประเมินผลการพัฒนาทักษะของนักศึกษาในรายกิจกรรมหรือในแต่ละระดับชั้นปี เช่น แบบประเมินตนเอง เครื่องมือประเมินจากอาจารย์ หรือการสะท้อนผลการเรียนรู้ผ่านแฟ้มสะสมงาน ซึ่งจะช่วยให้หลักสูตรสามารถติดตามพัฒนาการของนักศึกษาในทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
 

การพัฒนาศักยภาพนักศึกษาในการส่งเสริมให้เกิดการสร้างผลงานวิจัย งานสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่สามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการส่งเสริมให้นักศึกษาได้พัฒนาผลงานวิจัยและงานสร้างสรรค์ผ่านการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาสัมมนา รายวิชาโครงงาน และวิชาปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำองค์ความรู้ด้านประชาสัมพันธ์ไปประยุกต์ใช้กับประเด็นร่วมสมัยและบริบทชุมชนจริง เช่น การจัดทำโครงการสื่อสารเพื่อชุมชน การสื่อสารในสถานการณ์วิกฤต และการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วม กิจกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ในห้องเรียนกับการสร้างคุณค่าเชิงสังคมและสามารถสอดคล้องกับแนวทางการตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติในมิติด้านการพัฒนาทุนมนุษย์และการเสริมสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์

          แนวทางเสริมคือการพัฒนากลไกสนับสนุนให้นักศึกษานำเสนอผลงานในเวทีวิชาการหรือเวทีสร้างสรรค์ระดับชาติหรือระดับนานาชาติ ตลอดจนการจัดระบบให้ผลงานนักศึกษาที่ผ่านเกณฑ์สามารถเข้าสู่กระบวนการต่อยอดในเชิงพาณิชย์หรือเชิงนโยบาย เช่น การเชิญผู้ประกอบการหรือหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมประเมินและนำผลงานไปใช้จริง เพื่อสร้างวงจรของการเรียนรู้ที่นำไปสู่ผลกระทบในเชิงประจักษ์
- เนื่องจากสาขาวิชามีรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย จึงสามารถบูรณาการให้เกิดผลงานวิจัย งานสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติได้

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการจัดการเรียนรู้ผ่านรายวิชาโครงงานและสัมมนาที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาผลิตผลงานสร้างสรรค์และวิชาการในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ปรากฏข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการผลักดันให้นักศึกษานำผลงานดังกล่าวไปเผยแพร่หรือต่อยอดในเวทีระดับคณะ มหาวิทยาลัย หรือเวทีภายนอก เช่น งานประชุมวิชาการ งานนิทรรศการ หรือช่องทางการสื่อสารสาธารณะ จึงทำให้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบของผลงานนักศึกษาที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติในมิติของการสร้างมูลค่าทางสังคมหรือเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือการสร้างระบบสนับสนุนให้นักศึกษานำเสนอผลงานในรูปแบบที่สามารถเผยแพร่ต่อได้จริง เช่น การจัดเวทีนำเสนอผลงานภายในหลักสูตร การส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีวิชาการ การสร้างแฟ้มสะสมงานในรูปแบบดิจิทัล หรือการเชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอกที่สามารถนำผลงานไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงสาธารณะหรือเชิงอุตสาหกรรม
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

[ตัวบ่งชี้ 3.3] ผลที่เกิดกับนักศึกษา

ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การคงอยู่
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2565
ร้อยละ 100.00
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2566
ร้อยละ 100.00
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2567
ร้อยละ 87.50
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรสามารถสะท้อนผลที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาได้อย่างหลากหลายและมีรูปธรรม ผ่านผลงานของนักศึกษาในระดับวิชาการและระดับกิจกรรม เช่น การได้รับรางวัลจากหน่วยงานภายนอก การได้รับทุนสนับสนุนให้ผลิตสื่อเพื่อประเด็นทางสังคม การนำเสนอผลงานในเวทีวิชาการของมหาวิทยาลัย และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมระดับชาติในบทบาทของนักสื่อสารรุ่นใหม่ รวมถึงมีการติดตามภาวะการมีงานทำของบัณฑิต และรายงานระดับรายได้เฉลี่ยซึ่งอยู่ในช่วงสอดคล้องกับระดับเริ่มต้นของวิชาชีพในกลุ่มงานประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร

          แนวทางเสริมคือการพัฒนาระบบสะสมข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในเชิงพฤติกรรมและสมรรถนะให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการติดตามและประเมินความก้าวหน้าหลังสำเร็จการศึกษาในช่วง 1 ถึง 3 ปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลย้อนกลับในการปรับปรุงหลักสูตรให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน อีกทั้งควรส่งเสริมให้นักศึกษาใช้ผลงานระหว่างเรียนเป็นฐานพอร์ตโฟลิโอสำหรับการศึกษาต่อหรือสมัครงาน เพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างผลการเรียนรู้กับความสำเร็จในระดับอาชีพ
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะรายงานตัวอย่างผลที่เกิดกับนักศึกษาในเชิงกิจกรรม การแข่งขัน และการได้รับโอกาสทางวิชาชีพในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีระบบการจัดเก็บหรือวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในเชิงภาพรวมที่สะท้อนถึงการบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาอย่างเป็นระบบ เช่น การประเมินความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร หรือการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในระดับชั้นปีหรือระดับรุ่น

          แนวทางปรับปรุงคือการจัดทำระบบติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ของนักศึกษาตามกลุ่มสมรรถนะที่หลักสูตรตั้งเป้าไว้ เช่น ด้านวิชาชีพ ด้านจริยธรรม และด้านทักษะศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ทั้งในช่วงระหว่างศึกษาและหลังสำเร็จการศึกษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลสะท้อนคุณภาพของหลักสูตรอย่างรอบด้าน และสนับสนุนการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมและตลาดแรงงาน
 

การสำเร็จการศึกษา
ร้อยละอัตราสำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา 2565
ร้อยละ 83.33
ร้อยละอัตราสำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา 2566
ร้อยละ 75.00
ร้อยละอัตราสำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา 2567
ร้อยละ 75.00
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรสามารถควบคุมและส่งเสริมให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยมีระบบดูแลนักศึกษาโดยอาจารย์ที่ปรึกษาและการเร่งรัดการส่งรายงานปริญญานิพนธ์หรือผลงานในรายวิชาสำคัญ นอกจากนี้ยังมีแนวปฏิบัติเพื่อลดการให้ผลการเรียนในระดับ IP ในรายวิชาปฏิบัติ ซึ่งช่วยให้กระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ล่าช้า จุดเด่นของระบบการบริหารในเรื่องนี้คือการทำงานร่วมกันระหว่างอาจารย์ประจำรายวิชาและอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ในการติดตามความก้าวหน้าแบบรายคน

          แนวทางเสริมคือการจัดทำข้อมูลเชิงสถิติเปรียบเทียบอัตราการสำเร็จการศึกษาในแต่ละรุ่น พร้อมการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการสำเร็จการศึกษาทั้งในด้านวิชาการและด้านพฤติกรรม เพื่อให้สามารถออกแบบมาตรการช่วยเหลือเชิงป้องกันในกลุ่มนักศึกษาที่มีความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีแนวทางเร่งรัดการสำเร็จการศึกษา เช่น การติดตามผลการส่งรายงานและการลดปัญหาผลการเรียนระดับ IP ในรายวิชาปฏิบัติ แต่ยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบอัตราการสำเร็จการศึกษารายปี หรือการวิเคราะห์เชิงสาเหตุสำหรับนักศึกษาที่ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด จึงยังไม่สามารถสะท้อนประสิทธิผลของมาตรการที่ใช้ได้อย่างเป็นระบบ

          แนวทางปรับปรุงคือการจัดทำสถิติอัตราการสำเร็จการศึกษาย้อนหลังเปรียบเทียบในแต่ละรุ่น พร้อมวิเคราะห์กลุ่มนักศึกษาที่เรียนเกินระยะเวลา เช่น ติดเกรดไม่ผ่านในรายวิชาแกน รายวิชาปฏิบัติ หรือโครงงาน เพื่อให้สามารถออกแบบมาตรการสนับสนุนเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารระยะเวลาการศึกษาของนักศึกษาได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
 

ความพึงพอใจและผลการจัดการข้อร้องเรียนของนักศึกษา
ผลประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาเฉลี่ย ปีการศึกษา 2565 ร้อยละ 4.48
ผลประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาเฉลี่ย ปีการศึกษา 2566 ร้อยละ 4.55
ผลประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาเฉลี่ย ปีการศึกษา 2567 ร้อยละ 4.59
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการติดตามความพึงพอใจของนักศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยแบบสอบถามที่ครอบคลุมทั้งด้านวิชาการ การบริการสนับสนุน และบรรยากาศการเรียนรู้ รวมถึงมีช่องทางรับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์และการสื่อสารโดยตรงกับอาจารย์ที่ปรึกษาและผู้บริหารหลักสูตร โดยมีการประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้ในการประชุมพัฒนาหลักสูตรเป็นประจำทุกปี

          แนวทางเสริมคือการเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาในลักษณะของการสื่อสารสองทาง เช่น การจัดกิจกรรมเสวนานักศึกษา หรือการประชุมแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ที่ปรึกษารายหมู่เรียน เพื่อให้สามารถสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของนักศึกษาได้ลึกยิ่งขึ้น และสร้างวัฒนธรรมของความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรอย่างมีส่วนร่วม นอกจากนี้อาจพิจารณาจัดทำรายงานผลตอบกลับหรือแนวทางการปรับปรุงที่เกิดจากข้อร้องเรียนในรูปแบบที่นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและความจริงจังของหลักสูตรในการรับฟังความคิดเห็น
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการดำเนินการติดตามความพึงพอใจของนักศึกษาและมีช่องทางรับฟังความคิดเห็นผ่านการสื่อสารทั้งทางตรงและออนไลน์ แต่ยังไม่ปรากฏรายละเอียดเชิงปริมาณเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจของนักศึกษาในแต่ละด้าน หรือระบบการรวบรวม วิเคราะห์ และสื่อสารผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากข้อร้องเรียนอย่างเป็นระบบ

          แนวทางปรับปรุงคือการจัดเก็บข้อมูลความพึงพอใจในเชิงสถิติโดยแยกรายหมวด เช่น ด้านการเรียนการสอน การให้คำปรึกษา การบริการสนับสนุน และการบริหารหลักสูตร พร้อมทั้งออกแบบกระบวนการจัดการข้อร้องเรียนที่มีขั้นตอนชัดเจน เช่น การรับเรื่อง การพิจารณา การตอบกลับ และการสรุปผลการดำเนินการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักศึกษาและใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรในเชิงนโยบายและปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
ผลการประเมิน เฉลี่ยองค์ประกอบที่ 3 (3 ตัวบ่งชี้) คะแนนที่ได้ 3.00 คะแนน

องค์ประกอบที่ 4 อาจารย์

[ตัวบ่งชี้ 4.1] การบริหารและพัฒนาอาจารย์

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
-
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ระบบการรับและแต่งตั้งอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- มีอาจารย์เป็นไปตามเกณฑ์
- หลักสูตรมีระบบการแต่งตั้งอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่ชัดเจนและเป็นไปตามประกาศของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยแต่งตั้งอาจารย์ผู้มีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาและมีผลงานทางวิชาการในรอบ 5 ปีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการบริหารอาจารย์โดยใช้ระบบการกระจายภาระงานอย่างเป็นธรรม การมอบหมายงานด้านการเรียนการสอน งานวิจัย งานบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอย่างชัดเจนในแต่ละปี

          แนวทางเสริมคือการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลที่เชื่อมโยงกับผลการประเมินของอาจารย์ในแต่ละด้าน เช่น การสอน การผลิตผลงานวิชาการ และการพัฒนาวิชาชีพ เพื่อให้สามารถส่งเสริมศักยภาพของอาจารย์ได้อย่างต่อเนื่องและตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร และควรพิจารณาระบบการสืบทอดตำแหน่งผู้รับผิดชอบหลักสูตรอย่างมีแผนล่วงหน้า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารจัดการและพัฒนาหลักสูตร
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีระบบบริหารภาระงานของอาจารย์และมีแนวทางส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการสอน การวิจัย และการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ปรากฏการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลที่มีการเชื่อมโยงกับผลการประเมินในแต่ละปี และยังไม่มีหลักฐานของระบบติดตามผลการพัฒนาศักยภาพอาจารย์ในระดับรายบุคคลหรือระดับภาพรวมของหลักสูตร

          แนวทางปรับปรุงคือการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลของอาจารย์ให้สอดคล้องกับสมรรถนะที่หลักสูตรต้องการในแต่ละด้าน และควรกำหนดตัวชี้วัดความก้าวหน้าทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ พร้อมจัดให้มีระบบรายงานผลความก้าวหน้าในการพัฒนาตนเองของอาจารย์แต่ละคน เพื่อใช้ประเมินผลการบริหารบุคลากรในภาพรวมของหลักสูตรและเพื่อสนับสนุนการจัดสรรทรัพยากรหรือโอกาสทางวิชาชีพให้ตรงกับเป้าหมายการพัฒนาของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

ระบบการบริหารอาจารย์:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีระบบการบริหารอาจารย์ที่เป็นรูปธรรม โดยมีการกำหนดภาระงานในด้านการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอย่างชัดเจนในแต่ละปี รวมถึงมีการรายงานผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัย และมีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามรอบปีงบประมาณเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความก้าวหน้าในสายวิชาชีพ จุดเด่นของระบบคือการให้ความสำคัญกับการกระจายภาระงานอย่างเหมาะสมตามความถนัดและศักยภาพของอาจารย์แต่ละคน

          แนวทางเสริมคือการนำข้อมูลผลการประเมินรายบุคคลในแต่ละปีมาวิเคราะห์ร่วมกันในระดับหลักสูตร เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพคณาจารย์ในภาพรวม และควรเสริมกลไกการมีส่วนร่วมของอาจารย์ในการวางแผนภาระงานล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ เช่น การใช้ข้อมูลแผนการสอนและแผนวิจัยเป็นฐานในการจัดสรรงานแต่ละรอบปี เพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างภารกิจหลักของหลักสูตรกับเป้าหมายการพัฒนาของบุคลากร
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- มีการประชุม ทบทวน แบ่ง และมอบหมายบทบาทหน้าที่ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหรือไม่ มีรายงานการประชุม หรือไม่
- แม้ว่าหลักสูตรจะมีระบบบริหารอาจารย์ที่แสดงให้เห็นถึงการกระจายภาระงานด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุมและมีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกปี แต่ยังไม่ปรากฏข้อมูลการนำผลการประเมินมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาระบบบริหารอาจารย์ในภาพรวมของหลักสูตร เช่น การวางแผนอัตรากำลังระยะยาว การพยากรณ์ภาระงานในอนาคต หรือการวางระบบสืบทอดความเชี่ยวชาญของอาจารย์ในรายวิชาหลัก

          แนวทางปรับปรุงคือการพัฒนาระบบฐานข้อมูลภาระงานและผลการประเมินของอาจารย์ให้สามารถสรุปภาพรวมระดับหลักสูตรในแต่ละปี พร้อมใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนอัตรากำลัง การพัฒนาสายอาชีพ และการกำหนดภารกิจด้านการสอนหรือการผลิตผลงานวิชาการให้สอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรในระยะยาว รวมถึงควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดเชิงกลยุทธ์ในระดับหลักสูตรที่สะท้อนคุณภาพของระบบบริหารอาจารย์อย่างเป็นรูปธรรม
 

ระบบการส่งเสริมและพัฒนาอาจารย์ให้มีคุณภาพทั้งด้านความรู้ ความสามารถในเนื้อหาวิชาที่รับผิดชอบ สามารถก้าวทันวิทยาการสมัยใหม่ มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ การวิจัย และการพัฒนาศาสตร์ในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการส่งเสริมให้คณาจารย์เข้าร่วมอบรมและพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและระดับภายนอก โดยเน้นทั้งด้านการเรียนการสอน การวิจัย การผลิตผลงานทางวิชาการ และการพัฒนาวิชาชีพในสายวิทยาศาสตร์สังคมและนิเทศศาสตร์ เช่น การเข้าร่วมประชุมวิชาการ การอบรมด้านเทคโนโลยีการสอน และการส่งเสริมให้เข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ จุดเด่นคืออาจารย์ในหลักสูตรมีความหลากหลายทางความเชี่ยวชาญ และมีผลงานวิชาการหรือกิจกรรมทางวิชาชีพที่สะท้อนความสามารถในการประยุกต์ศาสตร์นิเทศสู่การเรียนการสอนและการวิจัยได้อย่างเหมาะสม

          แนวทางเสริมคือการกำหนดแผนพัฒนาทักษะรายบุคคลที่สอดคล้องกับภารกิจประจำของอาจารย์แต่ละคน และควรพิจารณาส่งเสริมให้อาจารย์มีโอกาสร่วมวิจัยแบบสหวิทยาการหรือสร้างเครือข่ายวิจัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรมหรือชุมชน เพื่อขยายผลการพัฒนาทางวิชาการให้เชื่อมโยงกับบริบททางสังคมและตอบโจทย์เชิงนโยบายได้มากยิ่งขึ้น
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- อธิบายระบบการส่งเสริม มีการสนับสนุนอย่างไร เพือพัฒนาอาจารย์ให้มีคุณภาพทั้งด้านความรู้ ความสามารถในเนื้อหาวิชาที่รับผิดชอบ สามารถก้าวทันวิทยาการสมัยใหม่ มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ การวิจัย และการพัฒนาศาสตร์ในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ
ปี 2567 อาจารยมีการพัฒนาตนเองอย่างไร? ตอบสนองประเด็นด้านความรู้ ความสามารถในเนื้อหาวิชาที่รับผิดชอบ สามารถก้าวทันวิทยาการสมัยใหม่ มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ การวิจัย และการพัฒนาศาสตร์

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีแนวทางในการสนับสนุนให้อาจารย์เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพ เช่น การอบรม การประชุมวิชาการ และการผลิตผลงานวิชาการ แต่ยังไม่ปรากฏแผนการพัฒนาศักยภาพอาจารย์ในระดับรายบุคคลที่มีเป้าหมายชัดเจน และยังไม่มีข้อมูลที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาอาจารย์กับแนวโน้มของศาสตร์หรือเทคโนโลยีใหม่ในสาขานิเทศศาสตร์อย่างเป็นระบบ

          แนวทางปรับปรุงคือการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลที่เชื่อมโยงกับผลการประเมินและภาระงานในแต่ละปี เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาศักยภาพของอาจารย์มีเป้าหมายและวัดผลได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งควรสนับสนุนให้อาจารย์ได้พัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับเครือข่ายวิชาการทั้งในระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงติดตามแนวโน้มด้านเทคโนโลยีหรือวิชาชีพร่วมสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพในการจัดการเรียนรู้และการวิจัยให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและบริบทอาชีพ
- ควรส่งเสริมให้อาจารย์ประจำหลักสูตร ขอตำแหน่งวิชาการที่สูงขึ้น
- ควรส่งเสริมและเตรียมความพร้อมอาจารย์ให้มีความรู้ ความสามารถในเนื้อหารายวิชาใหม่ที่จะรับผิดชอบ เนื่องจากปีการศึกษา 2568 มีการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ ทั้งการเปลี่ยนชื่อสาขาเป็น การสร้างสรรค์อีเวนท์และการประชาสัมพันธ์ดิจิทัล ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรายวิชาในแขนงอีเวนท์เพิ่มเข้ามา

 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
- รายงานการเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาตนเองของอาจารย์
 

[ตัวบ่งชี้ 4.2] คุณภาพอาจารย์

4.2.1 ร้อยละของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีคุณวุฒิปริญญาเอก
ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
[1] จำนวนอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทั้งหมด 5 5.00
[2] จำนวนอาจารย์ที่มีคุณวุฒิปริญญาเอก 1
[3] ร้อยละที่ได้ [2] X 100 / [1] 20.00
[4] ผลลัพธ์ที่ได้ [3] X 5 / 20 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรจำนวน 5 คน โดยมีผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งตรงตามเกณฑ์ขั้นต่ำของกระทรวงในการประเมินคุณภาพของอาจารย์ที่รับผิดชอบหลักสูตรในระดับปริญญาตรี และสามารถให้คะแนนเต็มในตัวบ่งชี้นี้ได้อย่างเหมาะสม

          จุดเด่นคือการมีอาจารย์ระดับดุษฎีบัณฑิตที่ร่วมพัฒนาหลักสูตรและรับผิดชอบการสอนในรายวิชาหลักของสาขา ซึ่งช่วยส่งเสริมคุณภาพของการจัดการเรียนรู้และการผลิตผลงานวิชาการ

          แนวทางเสริมคือการวางแผนพัฒนาอาจารย์ในระยะยาวโดยส่งเสริมให้ผู้ที่มีคุณวุฒิระดับปริญญาโทเข้าสู่การศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับหลักสูตร เพื่อเพิ่มสัดส่วนอาจารย์ที่มีคุณวุฒิระดับสูง และรองรับการปรับตัวของหลักสูตรในอนาคตทั้งในด้านมาตรฐานวิชาการและการวิจัยเชิงบูรณาการ
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- มีระบบและกลไกการส่งเสริมให้ศึกษาต่อหรือไม่ อย่างไร ตอบใน 4.1
- แม้ว่าหลักสูตรจะมีอาจารย์ที่มีคุณวุฒิระดับปริญญาเอกในสัดส่วนร้อยละ 20 ซึ่งตรงตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในระดับปริญญาตรี แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการปรับตัวของสาขาวิชาด้านนิเทศศาสตร์ในปัจจุบัน ซึ่งมีการขยายตัวขององค์ความรู้ด้านดิจิทัลและการวิจัยเชิงบูรณาการ จำเป็นอย่างยิ่งที่หลักสูตรควรวางแผนเชิงรุกในการเพิ่มจำนวนอาจารย์ที่มีคุณวุฒิระดับปริญญาเอกในระยะกลางและระยะยาว

          แนวทางปรับปรุงคือการสนับสนุนให้อาจารย์ประจำที่มีคุณวุฒิระดับปริญญาโทเข้าสู่การศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในสาขาที่ตรงหรือสัมพันธ์กับศาสตร์นิเทศศาสตร์ โดยอาจกำหนดเป้าหมายรายปีร่วมกับคณะหรือมหาวิทยาลัยเพื่อเพิ่มสัดส่วนอาจารย์ดุษฎีบัณฑิต และควรมีระบบติดตามความก้าวหน้าของแผนพัฒนานี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หลักสูตรมีความมั่นคงในด้านทรัพยากรบุคคลและสามารถรองรับการปรับปรุงมาตรฐานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควรส่งเสริมให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรศึกษาต่อในชั้นที่สูงขึ้น

 

4.2.2 ร้อยละของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ
ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
[1] จำนวนอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทั้งหมด 5 5.00
[2] ไม่มีตำแหน่งทางวิชาการ [อาจารย์] 2
[3] ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ 3
[4] ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ 0
[5] ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ 0
[6] ดำรงตำแหน่งทางวิชาการทั้งหมด [3] + [4] + [5] 3
[7] ร้อยละที่ได้ [6] X 100 / [1] 60.00
[8] ผลลัพธ์ที่ได้ [7] x 5 / 60 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรในตำแหน่งทางวิชาการจำนวน 3 คน จากทั้งหมด 5 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ซึ่งเกินเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ และสะท้อนถึงความแข็งแรงของทรัพยากรบุคคลในด้านวิชาการได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ซึ่งถือเป็นฐานสำคัญของการพัฒนาหลักสูตรในระดับอุดมศึกษา

          จุดเด่นคืออาจารย์ที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการล้วนมีความเชี่ยวชาญตรงกับสาขาวิชาที่รับผิดชอบ และมีบทบาททั้งในการสอน การกำกับโครงงาน และการผลิตผลงานทางวิชาการของหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง

          แนวทางเสริมคือการพัฒนาศักยภาพของอาจารย์ในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ให้ก้าวสู่ตำแหน่งรองศาสตราจารย์อย่างเป็นระบบ โดยจัดให้มีแผนการสนับสนุนด้านการเขียนบทความวิจัย การผลิตผลงานสร้างสรรค์ และการเผยแพร่ในเวทีวิชาการระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับความเข้มแข็งของทีมอาจารย์ในระยะยาวและสร้างความยั่งยืนในการบริหารหลักสูตร
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการในสัดส่วนร้อยละ 60 ซึ่งเกินเกณฑ์ขั้นต่ำและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ตำแหน่งทางวิชาการทั้งหมดที่ปรากฏยังอยู่ในระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ และยังไม่มีการแสดงแผนการพัฒนาสู่ระดับรองศาสตราจารย์หรือศาสตราจารย์ในระยะยาวอย่างชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการสนับสนุนให้อาจารย์ในหลักสูตรสามารถขยับตำแหน่งทางวิชาการสู่ระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาผลงานวิจัย ผลงานสร้างสรรค์ และการบริการวิชาการที่สามารถเผยแพร่ในระดับชาติหรือระดับนานาชาติ รวมถึงการจัดเวิร์กช็อป การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล และการประเมินความพร้อมเชิงระบบของอาจารย์แต่ละคนเพื่อกำหนดแนวทางสนับสนุนให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของบุคลากรในหลักสูตร
 

4.2.3 ผลงานทางวิชาการของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
จำนวนผลงานทางวิชาการตามค่าถ่วงน้ำหนัก
ค่าถ่วงน้ำหนัก 0.20 0.40 0.60 0.80 1.00
จำนวนผลงาน (ชิ้น) 0 0 1 3 1
จำนวนผลงานสร้างสรรค์ตามค่าถ่วงน้ำหนัก
ค่าถ่วงน้ำหนัก 0.20 0.40 0.60 0.80 1.00
จำนวนผลงาน (ชิ้น) 0 0 0 0 9
ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
[1] ผลรวมถ่วงน้ำหนักที่ได้ 13.00 5.00
[2] จำนวนอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทั้งหมด 5
[3] ร้อยละที่ได้ [1] X 100 / [2] 260.00
[4] ผลลัพธ์ที่ได้ [3] X 5 / 20 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

มีผลงานสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ 9 ชิ้น
- หลักสูตรมีผลงานทางวิชาการและผลงานสร้างสรรค์ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรในระดับที่สูง โดยเฉพาะผลงานสร้างสรรค์ที่มีค่าถ่วงน้ำหนักระดับเต็มจำนวนมากถึง 9 ชิ้น ซึ่งสะท้อนศักยภาพของคณาจารย์ในการผลิตผลงานที่มีความสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของสาขาวิชาด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสาร จุดเด่นคือมีการเน้นการผลิตผลงานสร้างสรรค์ในระดับสูงและต่อเนื่อง ทำให้สามารถสร้างความแตกต่างและความแข็งแรงของหลักสูตรในด้านเชิงปฏิบัติและเชิงวิชาชีพได้อย่างมีนัยสำคัญ

          แนวทางเสริมคือการสนับสนุนให้อาจารย์บางส่วนพัฒนาผลงานทางวิชาการประเภทบทความวิจัยหรือบทความวิชาการควบคู่ไปกับผลงานสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสมดุลในภาพรวมของผลงานคณาจารย์ และควรผลักดันให้นำผลงานสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพเข้าสู่การเผยแพร่ในระดับนานาชาติหรือนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบายหรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับผลกระทบทางวิชาการและสังคมของหลักสูตรในระยะยาว
- มีการส่งเสริมการทำผลงานวิชาการหลากหลายด้าน

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าผลงานทางวิชาการและผลงานสร้างสรรค์ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรจะมีปริมาณและค่าถ่วงน้ำหนักในระดับสูงจนได้คะแนนเต็มตามเกณฑ์การประเมิน แต่ยังพบข้อผิดพลาดในส่วนของการกรอกข้อมูลในตาราง โดยเฉพาะค่าร้อยละของผลงานถ่วงน้ำหนักซึ่งระบุเป็น 650 แทนที่จะเป็น 260 ตามสูตรการคำนวณ ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนในเอกสารรายงานและอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลในภาพรวม

          แนวทางปรับปรุงคือการตรวจสอบความถูกต้องของการกรอกข้อมูลเชิงคำนวณในแบบฟอร์ม โดยควรมีผู้ทบทวนเอกสารอีกชั้นก่อนการส่งรายงานเข้าสู่ระบบ QA ทั้งในระดับหลักสูตรและระดับคณะ เพื่อให้ข้อมูลที่แสดงมีความสอดคล้องกับสูตรการคำนวณจริงและสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายได้อย่างแม่นยำ
- พบข้อผิดพลาดในตารางรายงานผล 

 

รายการหลักฐาน ตัวบ่งชี้ 4.2 คุณภาพอาจารย์
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ตัวบ่งชี้ 4.2 คุณภาพอาจารย์ คะแนนที่ได้ 5.00 คะแนน

[ตัวบ่งชี้ 4.3] ผลที่เกิดกับอาจารย์

หมายเหตุ :
(1) ยกเว้นกรณี การเกษียณอายุงาน และการเสียชีวิต
(2) หากรายชื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปรับเข้าเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร พ.ศ. 2558 ให้ถือว่าอัตราการคงอยู่ครบในปีการศึกษาแรกที่ปรับเข้าเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร 2558
(3) หากรายชื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบท่านใหม่ต้องมีประสบการณ์ร่วมบริหารหลักสูตรมาไม่น้อยกว่า 9 เดือน (มีหลักฐานรายงานการประชุมภาควิชาหรือการประชุมหลักสูตร)
(4) รายงานถึงสิ้นสุดปีการศึกษา 2567 และจะได้รับการประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต้องประเมิน จาก ≥ 3 ชุดข้อมูล
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การคงอยู่ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2565
ร้อยละ 100.00
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2566
ร้อยละ 100.00
ร้อยละอัตราคงอยู่ ในปีการศึกษา 2567
ร้อยละ 100.00
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีอัตราการคงอยู่ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรครบถ้วนร้อยละ 100 ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปีการศึกษาติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของทีมอาจารย์หลัก ความต่อเนื่องในการบริหารหลักสูตร และความสามารถในการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพไว้กับหลักสูตรอย่างยั่งยืน

          จุดเด่นของหลักสูตรคือสามารถสร้างความผูกพันของอาจารย์กับภารกิจของหลักสูตรในระยะยาว และส่งผลดีต่อความต่อเนื่องของกระบวนการจัดการเรียนการสอน การนิเทศงานวิจัย และการดำเนินงานตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพ อีกทั้งยังช่วยให้การสืบทอดองค์ความรู้และการพัฒนาหลักสูตรเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ

          แนวทางเสริมคือการวางระบบพัฒนาศักยภาพของอาจารย์ในทีมผู้รับผิดชอบหลักสูตรให้มีเป้าหมายชัดเจนร่วมกันทั้งในด้านการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ การผลิตผลงานวิจัย และการขยายบทบาทเชิงวิชาชีพ พร้อมทั้งควรมีระบบส่งเสริมความผูกพันในลักษณะของทีม เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใน การวางแผนพัฒนารายบุคคลร่วมกัน และการมีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์หลักสูตร เพื่อรักษาความมั่นคงของทีมในระยะยาว
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีอัตราการคงอยู่ของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรในระดับร้อยละ 100 ติดต่อกันสามปี ซึ่งแสดงถึงเสถียรภาพของทีมอาจารย์ แต่ยังไม่ปรากฏข้อมูลหรือหลักฐานที่แสดงถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร เช่น แผนสืบทอดตำแหน่ง แผนการคัดเลือกหรือพัฒนาผู้รับผิดชอบหลักสูตรในอนาคต หรือการจัดเตรียมอาจารย์รุ่นใหม่ให้พร้อมเข้ามารับผิดชอบเมื่อจำเป็น

          แนวทางปรับปรุงคือการกำหนดแผนการบริหารความต่อเนื่องของทีมอาจารย์อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความรู้ร่วมกัน การถ่ายทอดบทบาทการบริหารหลักสูตร และการเตรียมอาจารย์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเข้าสู่บทบาทผู้รับผิดชอบหลักสูตรในอนาคต เพื่อให้หลักสูตรสามารถรักษาความมั่นคงของบุคลากรและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
 

ความพึงพอใจของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีต่อการบริหารหลักสูตร
ความพึงพอใจ ในปีการศึกษา 2565 ร้อยละ 5.00
ความพึงพอใจ ในปีการศึกษา 2566 ร้อยละ 5.00
ความพึงพอใจ ในปีการศึกษา 2567 ร้อยละ 5.00
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีแนวปฏิบัติที่เปิดโอกาสให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหลักสูตร เช่น การเข้าร่วมประชุม การเสนอความคิดเห็นเชิงนโยบาย และการออกแบบกิจกรรมเชิงวิชาการร่วมกับทีมบริหารระดับคณะและสถาบัน ซึ่งมีผลต่อระดับความพึงพอใจของอาจารย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสามปีการศึกษา โดยสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีภายในทีมและบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนาหลักสูตรอย่างยั่งยืน

          แนวทางเสริมคือการจัดระบบ Feedback loop อย่างเป็นทางการระหว่างอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรกับคณะกรรมการบริหารหลักสูตร เช่น การประเมินความพึงพอใจปลายภาคปี การสะท้อนปัญหาในการบริหารและนำไปสู่การปรับปรุงเชิงโครงสร้าง และควรพิจารณาจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ เช่น การประกาศเกียรติคุณอาจารย์ที่มีบทบาทโดดเด่นในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างความผูกพันและความภาคภูมิใจของคณาจารย์
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะได้รับคะแนนความพึงพอใจในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ปี แสดงถึงความเชื่อมั่นของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีต่อกระบวนการบริหารหลักสูตรในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากผลการประเมินอยู่ในระดับสูงสุดทุกประเด็นอย่างสม่ำเสมอ จึงควรพิจารณาทบทวนเครื่องมือวัดหรือแนวทางการประเมินให้ครอบคลุมทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้สามารถสะท้อนข้อเสนอแนะเชิงลึกหรือประเด็นที่อาจยังไม่ปรากฏในเชิงคะแนน

          แนวทางปรับปรุงคือการเพิ่มคำถามปลายเปิดในแบบสอบถามความพึงพอใจเพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพจากอาจารย์ รวมถึงจัดเวทีสะท้อนความเห็นประจำปีโดยเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนข้อเสนอเชิงนโยบายหรือข้อสังเกตจากการทำงานจริง ซึ่งจะช่วยให้หลักสูตรสามารถนำข้อคิดเห็นไปใช้วางแผนพัฒนาได้ตรงจุดยิ่งขึ้น แม้คะแนนจะอยู่ในระดับสูงแล้วก็ตาม
- พบข้อผิดพลาดในตารางรายงานผล ปีพ.ศ. 2564-2566 ควรเป็น 2565-2567

 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
คะแนนที่ได้ 4
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:

- หลักสูตรมีการเก็บข้อมูลความพึงพอใจของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรต่อการบริหารจัดการหลักสูตรใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การรับและแต่งตั้ง การบริหารอาจารย์ และการส่งเสริมพัฒนาอาจารย์ โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยในทุกประเด็นอยู่ที่ระดับสูงสุด 5.00 ต่อเนื่องในปีการศึกษา 2564 ถึง 2566 ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของอาจารย์ต่อระบบการบริหารหลักสูตรในระดับสูง

          อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่รายงานเป็นค่าคะแนนเชิงปริมาณทั้งหมดโดยไม่มีการแสดงผลเชิงคุณภาพ เช่น ประเด็นข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นจากอาจารย์ จึงยังไม่สามารถสะท้อนมิติด้านความลึกหรือความหลากหลายของประสบการณ์ในการบริหารหลักสูตรได้อย่างครบถ้วน

          จึงประเมินคะแนนในระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับดีมาก โดยมีข้อเสนอให้เพิ่มเติมระบบสะท้อนความคิดเห็นเชิงคุณภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 

องค์ประกอบที่ 5 หลักสูตร การเรียนการสอน การประเมินผู้เรียน

[ตัวบ่งชี้ 5.1] สาระของรายวิชาในหลักสูตร

21
18
85.71
คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:

-

ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การออกแบบหลักสูตร และสาระรายวิชาในหลักสูตรที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน มีหลักสูตรหรือรายวิชาที่เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการออกแบบสาระรายวิชาให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กรให้เชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริงในบริบทสังคมร่วมสมัย นอกจากนี้ยังมีรายวิชาที่เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการ เช่น รายวิชาสหกิจศึกษา รายวิชาโครงการนิเทศศาสตร์ และวิชาสัมมนาวิชาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและเสริมสร้างสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

          จุดเด่นของหลักสูตรอยู่ที่ความสามารถในการออกแบบรายวิชาที่ส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานกับภาคีภายนอกเพื่อนำบริบทการทำงานจริงมาพัฒนาการเรียนรู้

          แนวทางเสริมคือการขยายรูปแบบความร่วมมือกับสถานประกอบการในรายวิชาทั่วไปนอกเหนือจากสหกิจศึกษา โดยอาจเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมพัฒนาหรือสอนบางหัวข้อในรายวิชาหลัก เพื่อเพิ่มความทันสมัยและเชื่อมโยงความรู้กับการใช้จริงในสายวิชาชีพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดทำฐานข้อมูลความต้องการของสถานประกอบการและศิษย์เก่าเพื่อนำมาสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
- หลักสูตรมีการพัฒนาปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- มีการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเป็นที่ประจักษ์

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- อธิบายระบบ/กลไก การดำเนินการ ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน มีหลักสูตรหรือรายวิชาที่เป็นความร่วมมือกับสถานประกอบการ
- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการปรับปรุงรายวิชาให้ทันสมัยถึงร้อยละ 85.71 และมีการบูรณาการกับภาคสนามในบางรายวิชา เช่น สหกิจศึกษาและโครงการนิเทศศาสตร์ แต่ยังไม่ปรากฏรายชื่อรายวิชาที่พัฒนาร่วมกับสถานประกอบการอย่างเป็นระบบ และยังขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลไกการมีส่วนร่วมของภาคีภายนอกในการออกแบบหรือปรับปรุงเนื้อหารายวิชาอย่างต่อเนื่อง

          แนวทางปรับปรุงคือการพัฒนากระบวนการประเมินความต้องการของผู้เรียนและตลาดแรงงานอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการออกแบบรายวิชาใหม่หรือปรับเนื้อหาให้ตอบโจทย์วิชาชีพมากยิ่งขึ้น รวมถึงควรจัดทำแผนหรือข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสถานประกอบการในระยะยาว เพื่อใช้สนับสนุนการสอนรายวิชาหลัก หรือพัฒนา “วิชาเฉพาะทางร่วม” ที่สามารถดึงผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรจากภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในด้านการสอน การประเมินผล และการวิจัยร่วมในอนาคต
 

มีการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิที่ครอบคลุมผลลัพธ์ผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน (Learner Person, Innovative Co-Creator, Active Citizen) ตามวิสัยทัศน์และจุดเน้นของหลักสูตร
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรได้กำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนไว้อย่างครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบุคคลแห่งการเรียนรู้ (Learner Person) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะตลอดชีวิตและการคิดเชิงวิเคราะห์ ด้านผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมร่วม (Innovative Co-Creator) ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้กับการลงมือปฏิบัติ และด้านพลเมืองที่มีส่วนร่วม (Active Citizen) ที่ส่งเสริมจิตสำนึกสาธารณะ จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม

          จุดเด่นของหลักสูตรอยู่ที่การเชื่อมโยงผลลัพธ์การเรียนรู้กับรายวิชาและกิจกรรมพัฒนานักศึกษาทั้งในและนอกชั้นเรียนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการบูรณาการ Soft Skills กับภารกิจวิชาชีพด้านการสื่อสาร เช่น การฝึกปฏิบัติ การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และการจัดกิจกรรมสาธารณะเพื่อชุมชน

          แนวทางเสริมคือการพัฒนาระบบประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในแต่ละด้านให้สามารถวัดผลได้ทั้งเชิงปริมาณและเชิงพฤติกรรม พร้อมกับการจัดทำแฟ้มสะสมงานที่แสดงความก้าวหน้าในแต่ละด้านอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้ประกอบการประกันคุณภาพรายปี และเชื่อมโยงสู่การวางแผนพัฒนาหลักสูตรในระยะยาว
- เป็นไปตามมาตรฐานคุณวุฒิครอบคลุมผู้เรียนทั้งสามด้าน

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างครอบคลุมทั้ง 3 ด้านตามกรอบมาตรฐานของมหาวิทยาลัย ได้แก่ ด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วม และด้านการเป็นพลเมืองที่มีจิตสาธารณะ แต่ยังไม่ปรากฏเครื่องมือวัดหรือเกณฑ์ประเมินที่แสดงให้เห็นถึงการติดตามผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในแต่ละด้านอย่างเป็นระบบ เช่น การวัดผลสัมฤทธิ์ของ Learner Person ที่แยกจากผลการเรียนรายวิชา หรือการประเมินด้าน Active Citizen ที่วัดผลได้ชัดเจนเกินกว่าการเข้าร่วมกิจกรรม

          แนวทางปรับปรุงคือการพัฒนาชุดตัวชี้วัดและเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในแต่ละด้านให้สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยควรผนวกรูปแบบการประเมินลงในแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาและกิจกรรมเสริมหลักสูตร พร้อมออกแบบระบบสะสมพัฒนาการของผู้เรียนในรูปแบบแฟ้มสะสมงานหรือการสะท้อนตนเองรายภาคการศึกษา เพื่อให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการบรรลุผลลัพธ์ของผู้เรียนแต่ละรุ่นได้อย่างเป็นระบบ
 

การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยตามความก้าวหน้าในศาสตร์สาขานั้นๆ และเชื่อมโยงกับการนำไปใช้ได้จริง
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการปรับปรุงเนื้อหารายวิชาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของศาสตร์ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสื่อดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และการสื่อสารเพื่อความยั่งยืน รวมถึงมีการออกแบบกิจกรรมในรายวิชาให้เชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริง เช่น การวิเคราะห์เคส การจำลองสถานการณ์ และการร่วมมือกับสถานประกอบการผ่านการเรียนรู้เชิงบูรณาการ

          จุดเด่นคือการที่อาจารย์ผู้สอนมีบทบาทเชิงรุกในการปรับแผนการสอนให้ทันสมัยทั้งในระดับเนื้อหา วิธีการ และการใช้เทคโนโลยี ตลอดจนการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาโครงงานหรือผลงานที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดได้จริงในชีวิตการทำงานหรือในชุมชน

          แนวทางเสริมคือการเชิญผู้เชี่ยวชาญภายนอกหรือศิษย์เก่าที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมมาให้ข้อเสนอแนะในการปรับหลักสูตรหรือรายวิชา เพื่อเพิ่มความร่วมสมัยของเนื้อหาให้ครอบคลุมทั้งในเชิงวิชาการและแนวโน้มตลาดแรงงาน อีกทั้งควรจัดให้มีการประเมินผลการเรียนรู้จากผู้ใช้บัณฑิตหรือผู้ประกอบการเพื่อใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรในรอบถัดไปให้มีความเชื่อมโยงกับการใช้จริงอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
- รับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียนำมาปรับปรุงหลักสูตรทำให้หลักสูตรมีความทันสมัยและใช้งานบัณทิตได้จริง

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการรายงานว่ามีการปรับปรุงรายวิชาให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในสาขาในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 85.71 และมีการปรับเนื้อหาให้เชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริงในบางรายวิชา แต่ยังไม่ปรากฏรายละเอียดเชิงระบบเกี่ยวกับกระบวนการติดตามแนวโน้มของศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เช่น การตั้งคณะทำงานวิชาการประจำหลักสูตรที่มีการทบทวนแผนการสอนประจำปี การวิเคราะห์แนวโน้มวิชาชีพ หรือการอ้างอิงข้อมูลจากผู้ใช้บัณฑิตหรือภาคอุตสาหกรรมในการออกแบบเนื้อหาใหม่

          แนวทางปรับปรุงคือการกำหนดกระบวนการประกันคุณภาพภายในระดับรายวิชาที่สามารถติดตามความล้าสมัยของเนื้อหาอย่างเป็นระบบ เช่น การกำหนดรอบการทบทวนและประเมินรายวิชาทุก 1–2 ปี พร้อมกำหนดให้มีการอ้างอิงองค์ความรู้หรือแนวโน้มวิชาชีพร่วมสมัยในการอัปเดตแผนการสอน และควรพัฒนาแบบฟอร์มการปรับปรุงรายวิชาให้ครอบคลุมทั้งเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นระหว่างการเรียนการสอนกับการนำไปใช้จริงในวิชาชีพ
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
- การสำรวจความต้องการหรือความพึงพอใจของสถานประกอบการหรือผู้ใช้บัณฑิต
 

[ตัวบ่งชี้ 5.2] การวางระบบผู้สอน และกระบวนการจัดการเรียนการสอน

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
-
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดผู้สอน
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการกำหนดผู้สอนโดยพิจารณาจากความเชี่ยวชาญตรงตามรายวิชา มีการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้รับผิดชอบหลักสูตรและอาจารย์ประจำวิชา ทำให้การจัดการเรียนการสอนมีความเหมาะสมและต่อเนื่อง

          แนวทางเสริมคือควรมีระบบหมุนเวียนหรือพัฒนาอาจารย์รุ่นใหม่ให้สามารถสอนในรายวิชาหลักได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวและเสริมความยืดหยุ่นให้กับการบริหารหลักสูตร
- เป็นไปตามความรู้ความเชี่ยวชาญในสายวิชาที่ผู้สอนถนัดหรือมีความสนใจ

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- แม้ว่าการกำหนดผู้สอนจะยึดตามความเชี่ยวชาญ แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานเชิงระบบในการจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพผู้สอนรายวิชาเฉพาะหรือแผนสืบทอดสำหรับรายวิชาหลักที่มีผู้สอนจำกัด
แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดแผนพัฒนาผู้สอนรายรายวิชาอย่างเป็นทางการ และจัดระบบการถ่ายทอดองค์ความรู้หรือการสอนร่วมเพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

 
การกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจัดทำแผนการเรียนรู้ (มคอ.3 และ มคอ.4) และการจัดการเรียนการสอน
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีระบบติดตามการจัดทำ มคอ.3 และ มคอ.4 อย่างสม่ำเสมอ โดยอาจารย์ต้องจัดส่งภายในกรอบเวลาที่กำหนด และมีการตรวจสอบโดยผู้รับผิดชอบหลักสูตรก่อนรายงานระดับคณะ

          แนวทางเสริมคือควรจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างอาจารย์เกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และการประเมินผล เพื่อยกระดับคุณภาพ มคอ.3 และ มคอ.4 ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตรอย่างชัดเจนและนำไปใช้ได้จริงในห้องเรียน
- มีระบบและกลไกแจ้งการจัดทำ และติดตามความคืบหน้าเสมอต้นเสมอปลาย

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้จะมีการกำกับและติดตามการจัดทำ มคอ.3 และ มคอ.4 อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของการวิเคราะห์คุณภาพของแผนการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องระหว่างผลลัพธ์การเรียนรู้ วิธีสอน และวิธีประเมิน

          แนวทางปรับปรุงคือควรมีการตรวจสอบเชิงคุณภาพของ มคอ.3 และ มคอ.4 โดยใช้แบบฟอร์มหรือเกณฑ์ร่วมของหลักสูตร และจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาจารย์ผู้สอนเพื่อยกระดับการออกแบบการเรียนรู้ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
 

การจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีที่มีการบูรณาการกับการวิจัย การบริการวิชาการทางสังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและความเป็นไทย
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- มีการบูรณาการรายวิชาเข้ากับการบริการวิชาการ การวิจัย และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
- หลักสูตรมีการบูรณาการการเรียนการสอนกับการวิจัยและการบริการวิชาการผ่านรายวิชาโครงงานนิเทศศาสตร์ สัมมนาวิชาชีพ และสหกิจศึกษา โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในชุมชนหรือการพัฒนาสื่อสารสาธารณะ อีกทั้งยังส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การจัดนิทรรศการหรือสื่อรณรงค์ในประเด็นท้องถิ่น

          แนวทางเสริมคือควรจัดทำแผนบูรณาการในรายวิชาหลักให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนหรือหน่วยงานภายนอกในการประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและสามารถสะท้อนผลกระทบเชิงสังคมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- หลักสูตรมีการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับพันธกิจทั้ง 3 ด้าน 

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการบูรณาการการเรียนการสอนกับการวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมในบางรายวิชาและกิจกรรม เช่น โครงงานนิเทศศาสตร์หรือกิจกรรมสาธารณะ แต่ยังไม่ปรากฏแผนการบูรณาการเชิงระบบหรือหลักฐานที่แสดงความต่อเนื่องของผลการดำเนินงานในแต่ละด้านอย่างชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดรายวิชาหรือกิจกรรมหลักที่มีการบูรณาการทั้งสามด้านไว้อย่างเป็นทางการในแผนหลักสูตร พร้อมจัดเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานและผลลัพธ์ต่อผู้เรียนหรือชุมชนในแต่ละปี เพื่อใช้เป็นฐานในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณค่าเชิงสังคมและวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

[ตัวบ่งชี้ 5.3] การประเมินผู้เรียน

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การประเมินผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และผลลัพธ์การเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ที่ครอบคลุมผลลัพธ์ผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน (Learner Person, Innovative Co-Creator, Active Citizen) ตามวิสัยทัศน์และจุดเน้นของหลักสูตร ตลอดจนมาตรฐานวิชาชีพ (ถ้ามี)
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการประเมินผลการเรียนรู้โดยอ้างอิงกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และผลลัพธ์การเรียนรู้ทั้ง 3 ด้านตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย โดยเชื่อมโยงเกณฑ์ประเมินไว้ใน มคอ.3 และ มคอ.5 ของรายวิชาหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นความพยายามในการวัดผลผู้เรียนให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ

          แนวทางเสริมคือควรจัดระบบตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างผลลัพธ์การเรียนรู้กับวิธีประเมินในแต่ละรายวิชา และพัฒนารูปแบบการประเมินให้หลากหลาย เช่น การประเมินตามสมรรถนะหรือแฟ้มสะสมงาน เพื่อให้สะท้อนความก้าวหน้าของผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรมและตอบโจทย์คุณลักษณะของผู้เรียนยุคใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- มีระบบและกลไกเป็นมาตรฐานในการตรวจสอบและติดตามผลลัพธ์

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- ขอให้หลักสูตรรายงานระบบและกลไก การประเมินผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และผลลัพธ์การเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ที่ครอบคลุมผลลัพธ์ผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน

  • วิสัยทัศน์และจุดเน้นของหลักสูตรคืออะไร และจากวิสัยทัศน์และจุดเน้นนั้น หลักสูตรกำหนด LO ตาม TQF และ LO อย่างไร
  • ระบบและกลไกการประเมินผล เป็นอย่างไร 
  • ปี 2567 มีการดำเนินการอย่างไร
  • ระบบและกลไก การดำเนินการนั้น ครอบคลุม/วัดได้จริง/วัดได้เที่ยงตรง หรือไม่ ทราบได้อย่างไร
  • หลักสูตรจะปรับปรุงสิ่งใด เพื่ออะไร

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการระบุผลลัพธ์การเรียนรู้ทั้ง 3 ด้านตามกรอบมาตรฐานและมีการเชื่อมโยงการประเมินไว้ใน มคอ.3 และ มคอ.5 แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของระบบติดตามหรือวิเคราะห์ผลการประเมินในระดับหลักสูตร เช่น การสรุปผลลัพธ์รายปี หรือการตรวจสอบความครอบคลุมของการประเมินตามผลลัพธ์ในทุกมิติ

          แนวทางปรับปรุงคือควรพัฒนาระบบรวบรวมและวิเคราะห์ผลการประเมินในระดับหลักสูตร เช่น การทำ Mapping ระหว่าง CLO กับวิธีประเมินในแต่ละรายวิชา และการรายงานผลสัมฤทธิ์ตามด้าน Learner Person, Innovative Co-Creator และ Active Citizen เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลดังกล่าววางแผนพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ในภาพรวมได้อย่างเป็นระบบและมีทิศทางชัดเจน
 

การตรวจสอบการประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษา
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีระบบตรวจสอบการประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยกำหนดให้มีการจัดทำ มคอ.5 สำหรับทุกรายวิชา และมีการตรวจทานโดยอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรก่อนส่งรายงานระดับคณะ ซึ่งช่วยสร้างความถูกต้องและความสอดคล้องของผลการประเมินกับผลลัพธ์การเรียนรู้

          แนวทางเสริมคือควรจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินในรายวิชาประเภทเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันของผู้สอน และส่งเสริมการประเมินผลที่มีมาตรฐานร่วมและสะท้อนคุณภาพผู้เรียนได้หลากหลายมิติ
- ผลการประเมินทุกด้านตอบรับไปในทางที่ดี ระดับความพึงพอใจเกิน 4.50 ในทุกด้าน

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- เมื่อมีการประเมินผลรายวิชาแล้ว หลักสูตรมีระบบ/กลไกการตรวจอย่างไร มีคณะกรรมการระดับภาควิชาหรือไม่ นำผลการประเมินมาทบทวนความถูกต้องของเครื่องมือวัดผล ผลของการวัด ด้วยกระบวนการใด 
- เป้าหมาย เพื่อทบทวน ว่า กระบวนการวัดผล/ประเมินผลมีความถูกต้อง ครบถ้วน
- ตัวชี้วัดเกี่ยวกับ คุณภาพของหลักสุตรอาจจะไม่ตรงกับเกณฑ์ข้อนี้มากนัก 

- แม้จะมีการกำหนดให้รายงานผลการประเมินใน มคอ.5 และตรวจสอบผ่านระบบภายในหลักสูตร แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ เช่น ความเที่ยงตรงของเกณฑ์ คะแนนเฉลี่ยรายหัวข้อ หรือความสัมพันธ์ระหว่างผลประเมินกับผลลัพธ์ผู้เรียนในระดับหลักสูตร

          แนวทางปรับปรุงคือควรมีการสังเคราะห์ผลการประเมินจากรายวิชาในภาพรวม เพื่อใช้สะท้อนคุณภาพผู้เรียนและพัฒนาระบบประเมินอย่างต่อเนื่อง อาจเริ่มจากการกำหนดเกณฑ์กลางในบางรายวิชาหลัก และติดตามผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเป็นชุดข้อมูลเพื่อนำไปวางแผนปรับปรุงในระดับหลักสูตรต่อไป
 

การกำกับการประเมินการจัดการเรียนการสอน และประเมินหลักสูตร (มคอ.5 มคอ.6 และ มคอ.7)
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการดำเนินการจัดทำ มคอ.5 และ มคอ.6 อย่างต่อเนื่องทุกภาคการศึกษา โดยมีระบบติดตามและตรวจสอบผ่านผู้รับผิดชอบหลักสูตรและคณะ ซึ่งช่วยให้ข้อมูลการจัดการเรียนการสอนถูกสรุปและนำไปใช้ประเมินคุณภาพรายวิชาได้อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังมีการสรุป มคอ.7 เพื่อประเมินภาพรวมของหลักสูตรประจำปี

          แนวทางเสริมคือควรใช้ข้อมูลจาก มคอ.5 และ มคอ.6 ในการจัดทำข้อเสนอเชิงวิเคราะห์สำหรับพัฒนาเนื้อหาและวิธีการสอนในรายวิชาหลัก และส่งเสริมให้อาจารย์ผู้สอนใช้ผลการประเมินจากผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในการทบทวนแผนการสอนรอบถัดไปอย่างมีทิศทางร่วมกันของหลักสูตร
- มีระบบในการกำชับให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาจัดทำภายในเวลาที่กำหนด และมีคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและดูผลลัพธ์ตามมาตรฐานของมหาวิทยาลัย

 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการจัดทำ มคอ.5 มคอ.6 และ มคอ.7 อย่างครบถ้วนตามรอบการประเมิน แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของการใช้ข้อมูลจากเอกสารเหล่านี้ไปสู่การวิเคราะห์เชิงคุณภาพเพื่อปรับปรุงหลักสูตรอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การสังเคราะห์ปัญหาซ้ำซากของรายวิชาหลัก หรือการวิเคราะห์แนวโน้มผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในระดับหลักสูตร

          แนวทางปรับปรุงคือควรจัดระบบสรุปผลและวิเคราะห์ข้อมูลจาก มคอ.5–7 ในระดับหลักสูตรเป็นประจำทุกปี พร้อมรายงานแนวโน้ม จุดอ่อน จุดแข็ง และข้อเสนอเชิงนโยบายที่นำไปสู่การทบทวนหลักสูตรหรือรายวิชาอย่างเป็นระบบ และควรจัดประชุมร่วมกับอาจารย์ผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนผลการประเมินและกำหนดทิศทางการปรับปรุงรายวิชาอย่างมีส่วนร่วม
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

 

[ตัวบ่งชี้ 5.4] ผลการดำเนินงานหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ

หมายเหตุ: KPI ให้สอดคล้องและเป็นไปตามที่ระบุใน มคอ.2
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
1. อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอย่างน้อยร้อยละ 80 มีส่วนร่วมในการประชุมเพื่อวางแผน ติดตาม และทบทวนการดำเนินงานหลักสูตร
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- มีการประชุม 4 ครั้ง 
- หลักสูตรสามารถดำเนินการตามตัวบ่งชี้ได้ครบถ้วน โดยมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรเข้าร่วมประชุมเพื่อวางแผน ติดตาม และทบทวนการดำเนินงานหลักสูตรในสัดส่วนที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือและความรับผิดชอบของทีมอาจารย์ในการพัฒนาหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ

          แนวทางเสริมคือควรจัดเก็บรายงานการประชุมพร้อมข้อเสนอแนะหรือประเด็นทบทวนหลักสูตรในแต่ละรอบไว้เป็นหมวดหมู่ และวิเคราะห์แนวโน้มข้อเสนอจากคณาจารย์เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาหลักสูตรประจำปีอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกับผลการเรียนรู้ของผู้เรียนในระยะยาว
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะดำเนินการตามตัวบ่งชี้ได้ครบถ้วน โดยมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบเข้าร่วมประชุมในสัดส่วนตามเกณฑ์ แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานเชิงระบบของการติดตามประเด็นที่ได้จากการประชุมว่าถูกนำไปใช้ปรับปรุงหลักสูตรอย่างไร หรือมีผลลัพธ์อย่างไรในการพัฒนาแผนการเรียนรู้

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดกระบวนการติดตามมติและข้อเสนอจากการประชุมคณะกรรมการหลักสูตรให้มีความชัดเจน เช่น การกำหนดผู้รับผิดชอบ แผนดำเนินการ และรอบรายงานผลความก้าวหน้า รวมถึงควรจัดทำสรุปวิเคราะห์ประเด็นซ้ำซ้อนหรือประเด็นที่ยังไม่ถูกดำเนินการ เพื่อให้การวางแผนพัฒนาหลักสูตรในรอบถัดไปมีความต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
2. มีรายละเอียดของหลักสูตรตามแบบ มคอ.2 ที่สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ หรือมาตรฐานคุณวุฒิสาขา/สาขาวิชา [ถ้ามี]
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการจัดทำรายละเอียดตามแบบ มคอ.2 ได้ครบถ้วน โดยมีการเชื่อมโยงผลลัพธ์การเรียนรู้กับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติอย่างชัดเจน ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านหลัก และสอดคล้องกับผลลัพธ์ 3 ด้านตามวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัย ได้แก่ Learner Person, Innovative Co-Creator และ Active Citizen

          แนวทางเสริมคือควรใช้ มคอ.2 เป็นฐานข้อมูลหลักในการออกแบบและปรับปรุงรายวิชาอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำเอกสารสื่อสารภายในสำหรับคณาจารย์เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในทุกระดับให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ของหลักสูตร
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะมีการจัดทำ มคอ.2 ที่สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏกลไกติดตามหรือรายงานการทบทวน มคอ.2 ในรอบการประกันคุณภาพที่ผ่านมาว่ามีการใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงหลักสูตรหรือไม่

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดรอบการทบทวนความสอดคล้องของ มคอ.2 กับการจัดการเรียนการสอนจริง และมีระบบรายงานการเปลี่ยนแปลงหรือข้อเสนอเชิงพัฒนาที่เกิดจากการใช้ มคอ.2 อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยืนยันว่าข้อมูลในเอกสารหลักสูตรถูกนำไปใช้จริงในกระบวนการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรและรายวิชา
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
3. มีรายละเอียดของรายวิชา และรายละเอียดของประสบการณ์ภาคสนาม [ถ้ามี] ตามแบบ มคอ.3 และ มคอ.4 อย่างน้อยก่อนการเปิดสอนในแต่ละภาคการศึกษาให้ครบทุกรายวิชา
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการจัดทำ มคอ.3 และ มคอ.4 ครบถ้วนก่อนเปิดสอนในแต่ละภาคการศึกษา โดยมีระบบกำกับดูแลจากผู้รับผิดชอบหลักสูตรและการตรวจสอบความเรียบร้อยจากระดับคณะ ซึ่งช่วยสร้างความพร้อมและความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชา

          แนวทางเสริมคือควรพัฒนาแนวทางการทบทวน มคอ.3 และ มคอ.4 ร่วมกันระหว่างอาจารย์ผู้สอนในรายวิชากลุ่มเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติและสร้างมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดระบบจัดเก็บและเข้าถึงเอกสารผ่านระบบดิจิทัลให้สะดวกและมีการติดตามสถานะรายวิชาอย่างเป็นระบบ
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- ในการรายงานผลการดำเนินการขอให้รายงานรายวิชาต่าง ๆ ที่เปิดสอดในปีการศึกษา 2567 ทั้งรายวิชาตาม RQF3 และ RQF4
- แม้หลักสูตรจะจัดทำ มคอ.3 และ มคอ.4 ครบถ้วนตามกำหนดเวลา แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานของการประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เช่น การวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างผลลัพธ์การเรียนรู้ วิธีการสอน และวิธีประเมินผลในรายวิชา หรือการสะท้อนกลับจากผลลัพธ์ผู้เรียนต่อแผนการสอน

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดระบบประเมินคุณภาพของ มคอ.3 และ มคอ.4 เช่น การใช้แบบฟอร์มตรวจสอบเชิงคุณภาพโดยคณะกรรมการหลักสูตร หรือผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เพื่อให้สามารถพัฒนาการออกแบบการเรียนรู้ในแต่ละรายวิชาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองผลลัพธ์ของหลักสูตรในภาพรวมได้อย่างแท้จริง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

 
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
4. จัดทำรายงานผลการดำเนินการของรายวิชา และรายงานผลการดำเนินการของประสบการณ์ภาคสนาม [ถ้ามี] ตามแบบ มคอ.5 และ มคอ.6 ภายใน 30 วัน หลังสิ้นสุดภาคการศึกษาที่เปิดสอนให้ครบทุกรายวิชา
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของรายวิชาและประสบการณ์ภาคสนามตามแบบ มคอ.5 และ มคอ.6 ครบถ้วนและภายในระยะเวลาที่กำหนดภายใน 30 วันหลังสิ้นสุดภาคการศึกษา ซึ่งช่วยให้ข้อมูลการประเมินผลผู้เรียนเป็นปัจจุบันและสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง

          แนวทางเสริมคือควรพัฒนาระบบติดตามสถานะการจัดทำและส่งรายงาน มคอ.5 และ มคอ.6 ให้เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความสะดวกและลดความล่าช้า รวมทั้งส่งเสริมการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากรายงานเหล่านี้ในระดับหลักสูตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการวางแผนพัฒนาการเรียนการสอนและการประเมินผลผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- ในการรายงานขอให้รายงานรายวิชาที่เปิดดำเนินการในปีการศึกษา 2567 ทั้งหมด ที่มี RQF5 และ RQF6
- แม้ว่าหลักสูตรจะดำเนินการจัดทำรายงานผลการเรียนและประสบการณ์ภาคสนามตามแบบ มคอ.5 และ มคอ.6 ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด แต่ยังไม่ปรากฏระบบหรือหลักฐานของการติดตามคุณภาพและความถูกต้องของรายงานเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เช่น การตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูล และการใช้ข้อมูลรายงานในการปรับปรุงรายวิชาอย่างเป็นรูปธรรม

          แนวทางปรับปรุงคือควรมีการกำหนดกลไกการประกันคุณภาพของรายงาน มคอ.5 และ มคอ.6 โดยอาจจัดตั้งคณะกรรมการหรือผู้รับผิดชอบเฉพาะเพื่อทบทวนและวิเคราะห์รายงานเหล่านี้เป็นประจำ พร้อมจัดทำรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

 
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
5. จัดทำรายงานผลการดำเนินการของหลักสูตรตามแบบ มคอ.7 ภายใน 60 วัน หลังสิ้นสุดปีการศึกษา
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตรตามแบบ มคอ.7 ครบถ้วนและภายในระยะเวลาที่กำหนดภายใน 60 วันหลังสิ้นสุดปีการศึกษา ซึ่งช่วยให้การประเมินผลภาพรวมของหลักสูตรเป็นไปอย่างทันเวลา และสนับสนุนการวางแผนพัฒนาหลักสูตรในรอบปีถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ

          แนวทางเสริมคือควรพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลในรายงาน มคอ.7 ให้สามารถสรุปจุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการพัฒนาหลักสูตรได้อย่างชัดเจน รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น นักศึกษา ศิษย์เก่า และสถานประกอบการ ในการสะท้อนผลการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลมีความรอบด้านและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะดำเนินการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามแบบ มคอ.7 ครบถ้วนและตรงเวลา แต่ยังไม่มีระบบหรือหลักฐานของการติดตามและประเมินผลเชิงลึกจากรายงานดังกล่าว เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะยาว หรือการนำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดกระบวนการติดตามผลและวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงาน มคอ.7 อย่างสม่ำเสมอ พร้อมจัดประชุมวางแผนพัฒนาหลักสูตรโดยใช้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เหล่านี้ เพื่อให้การปรับปรุงหลักสูตรมีความต่อเนื่องและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางการศึกษาและตลาดแรงงาน
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
6. มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ ที่กำหนดใน มคอ.3 และ มคอ.4 [ถ้ามี] อย่างน้อยร้อยละ 25 ของรายวิชาที่เปิดสอนในแต่ละปีการศึกษา
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- ทวนสอบ 14 รายวิชาจาก 21 รายวิชา
- หลักสูตรมีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในรายวิชาที่เปิดสอนอย่างน้อยร้อยละ 25 ของรายวิชาทั้งหมด โดยอิงตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่กำหนดใน มคอ.3 และ มคอ.4 ซึ่งช่วยให้มีข้อมูลที่เพียงพอในการประเมินและติดตามคุณภาพการเรียนการสอนในระดับรายวิชาและหลักสูตร

          แนวทางเสริมคือควรขยายการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ให้ครอบคลุมรายวิชามากขึ้น รวมถึงพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ในเชิงลึก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับการปรับปรุงแผนการเรียนการสอนและกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และจัดให้มีการรายงานผลสู่ผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนเพื่อใช้ในการพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็นระบบ
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะดำเนินการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ในรายวิชาบางส่วนตามเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่ยังขาดหลักฐานของการใช้ข้อมูลดังกล่าวในการวางแผนพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็นระบบ เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มผลสัมฤทธิ์รายวิชา และการเชื่อมโยงผลสัมฤทธิ์กับการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้และการประเมิน

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดนโยบายขยายการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ให้ครอบคลุมรายวิชาอย่างน้อยร้อยละ 50 และจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ในระดับหลักสูตร พร้อมระบบติดตามผลการปรับปรุง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนและตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
7. มีการพัฒนาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน กลยุทธ์การสอน หรือการประเมินผลการเรียนรู้จากผลการประเมินการดำเนินงานที่รายงานใน มคอ.7 ปีที่แล้ว
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอน กลยุทธ์การสอน และการประเมินผลการเรียนรู้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลและผลการประเมินในรายงาน มคอ.7 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจในการนำข้อมูลประเมินมาใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง

          แนวทางเสริมคือควรเสริมการมีส่วนร่วมของอาจารย์ทุกคนในการวางแผนพัฒนากระบวนการสอนและประเมินผล เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็นระบบ รวมถึงควรจัดทำแผนติดตามผลการปรับปรุงในแต่ละรอบปีอย่างชัดเจนเพื่อวัดประสิทธิผลของการปรับเปลี่ยน
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะรายงานการนำผลการประเมินใน มคอ.7 มาใช้ในการปรับปรุง แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลของการปรับปรุงเหล่านั้น เช่น การวัดผลความสำเร็จของกลยุทธ์ใหม่ หรือการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนหลังการปรับปรุง

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดระบบติดตามและรายงานผลการปรับปรุงที่มีการวัดผลอย่างชัดเจน รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลเปรียบเทียบก่อนและหลังการปรับปรุง เพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรมีความต่อเนื่องและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามข้อมูลและผลสะท้อนจริง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)

 
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
8. อาจารย์ใหม่ [ถ้ามี] ทุกคน ได้รับการปฐมนิเทศ หรือคำแนะนำด้านการจัดการเรียนการสอน
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม
-
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
-
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
9. อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทุกคนได้รับการพัฒนาทางวิชาการ และ/หรือวิชาชีพ อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทุกคนได้รับการพัฒนาทางวิชาการและวิชาชีพอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ผ่านการเข้าร่วมอบรม สัมมนา และกิจกรรมพัฒนาศักยภาพที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชา ซึ่งช่วยยกระดับความรู้และทักษะของอาจารย์ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในวงการนิเทศศาสตร์

          แนวทางเสริมคือควรจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพอาจารย์อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง พร้อมมีการติดตามและประเมินผลการพัฒนาทุกปี เพื่อให้แน่ใจว่าอาจารย์ได้รับการพัฒนาครบถ้วนทั้งในด้านวิชาการและวิชาชีพอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะรายงานว่าอาจารย์ได้รับการพัฒนาทางวิชาการและวิชาชีพเป็นประจำ แต่ยังไม่มีหลักฐานเชิงระบบเกี่ยวกับการติดตามผลและการประเมินความก้าวหน้าของอาจารย์อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงขาดการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลที่ชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดระบบติดตามและประเมินผลการพัฒนาอาจารย์อย่างเป็นระบบ พร้อมกำหนดเป้าหมายการพัฒนารายบุคคล และจัดทำรายงานผลการพัฒนาเพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการวางแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลในหลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
10. จำนวนบุคลากรสนับสนุนการเรียนการสอน [ถ้ามี] ได้รับการพัฒนาวิชาการ และ/หรือวิชาชีพ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ต่อปี
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีบุคลากรสนับสนุนการเรียนการสอนและไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ได้รับการพัฒนาวิชาการและวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพของทีมสนับสนุน เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการช่วยเหลือกระบวนการเรียนการสอน

          แนวทางเสริมคือควรจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรสนับสนุนที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของหลักสูตร พร้อมส่งเสริมการอบรมในทักษะที่ทันสมัย รวมถึงการวัดผลและติดตามความก้าวหน้าของบุคลากรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและพัฒนาการที่ยั่งยืน
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- หลักสูตรมีบุคลากรสนับสนุนแต่ยังมีสัดส่วนการพัฒนาวิชาการและวิชาชีพต่ำกว่าร้อยละ 50 อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการสนับสนุนการเรียนการสอนและความพร้อมของบุคลากรในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและกระบวนการศึกษา

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดมาตรการเพิ่มการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาวิชาการและวิชาชีพ เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือการมีโปรแกรมพี่เลี้ยง เพื่อยกระดับทักษะและความรู้ของบุคลากรสนับสนุนอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
11. ระดับความพึงพอใจของนักศึกษาปีสุดท้าย/บัณฑิตใหม่ที่มีต่อคุณภาพหลักสูตร เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.50 จากคะแนนเต็ม 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- รายงาน 4.67 
- ผลการสำรวจความพึงพอใจของนักศึกษาปีสุดท้ายและบัณฑิตใหม่ต่อคุณภาพหลักสูตรแสดงคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.50 จากเต็ม 5.00 ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจในระดับที่ดีต่อเนื่อง โดยครอบคลุมทั้งด้านเนื้อหาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และการสนับสนุนทางวิชาการ

          แนวทางเสริมคือควรส่งเสริมการรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพเพิ่มเติม เช่น ข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นเชิงลึกจากนักศึกษาและบัณฑิต เพื่อใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างตรงจุด รวมถึงจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของนักศึกษาต่อการพัฒนาหลักสูตรอย่างยั่งยืน
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- ควรเพิ่มเติมไว้ในหน้า 70 (ส่วนต้นของหมวดที่ 5 ด้วย)
- แม้คะแนนความพึงพอใจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ผ่าน แต่ยังไม่มีข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นที่นักศึกษาหรือบัณฑิตใหม่เห็นว่าควรปรับปรุง รวมถึงการติดตามผลการแก้ไขปัญหาในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยังขาดหลักฐานในการประเมินประสิทธิผลของการพัฒนาหลักสูตรอย่างชัดเจน

          แนวทางปรับปรุงคือควรพัฒนาระบบรวบรวมและวิเคราะห์ข้อเสนอแนะเชิงคุณภาพ และจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการตอบสนองความคิดเห็นเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและประสิทธิผลในการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
12. ระดับความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตที่มีต่อบัณฑิตใหม่ เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.50 จากคะแนนเต็ม 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- ตามตัวบ่งชี้ที่ 2.1 ระบุคะแนนเฉลี่ยที่ 4.72 
- หลักสูตรมีการเก็บข้อมูลความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตที่มีต่อบัณฑิตใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า 3.50 จากเต็ม 5.00 ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจในคุณภาพของบัณฑิตที่ถูกผลิตออกสู่ตลาดแรงงาน

          แนวทางเสริมคือควรขยายการเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้บัณฑิตในหลายภาคส่วน รวมถึงพัฒนาระบบเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อระบุจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุง รวมถึงนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรให้ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้หลักสูตรจะรายงานผลคะแนนความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่ยังขาดหลักฐานเชิงคุณภาพเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนหรือปรับปรุงหลักสูตรอย่างเป็นรูปธรรม เช่น รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นหรือแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน

          แนวทางปรับปรุงคือควรจัดทำระบบวิเคราะห์และติดตามผลข้อมูลผู้ใช้บัณฑิต พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้บัณฑิตในภาคธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความร่วมมือและพัฒนาหลักสูตรให้มีความเชื่อมโยงกับความต้องการในโลกการทำงานมากยิ่งขึ้น
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
13. ร้อยละ 80 ของรายวิชาที่มีการจัดการเรียนการสอน สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนด
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- หลักสูตรมีการจัดการเรียนการสอนตามแผนที่กำหนดในรายวิชาสูงถึงร้อยละ 80 ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความพร้อมของอาจารย์ผู้สอนและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนการเรียนรู้ที่วางไว้

          แนวทางเสริมคือการรักษาระดับการดำเนินงานที่มีคุณภาพนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มระบบติดตามสถานะการจัดการเรียนการสอนรายวิชาอย่างเป็นระบบ เช่น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อติดตามความคืบหน้าและรายงานปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีและรักษามาตรฐานการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแผนหลักสูตร
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าหลักสูตรจะสามารถดำเนินการจัดการเรียนการสอนได้ตามแผนในร้อยละ 80 ของรายวิชา แต่ยังไม่มีหลักฐานหรือรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุของรายวิชาที่ไม่ได้ดำเนินการตามแผน รวมถึงผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในรายวิชานั้น ๆ

          แนวทางปรับปรุงคือควรกำหนดกระบวนการวิเคราะห์และรายงานสาเหตุของการไม่ดำเนินการตามแผนในรายวิชา พร้อมจัดทำมาตรการแก้ไขและติดตามผลอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับสัดส่วนการดำเนินงานตามแผนให้สูงขึ้นและลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อคุณภาพผู้เรียน
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
14. ระดับความพึงพอใจของนักศึกษาต่อคุณภาพการสอน รวมทุกรายวิชา เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.51 จากคะแนนเต็ม 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- ผลการสำรวจความพึงพอใจของนักศึกษาต่อคุณภาพการสอนในทุกวิชามีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าหรือเท่ากับ 3.51 จากคะแนนเต็ม 5.00 แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจในระดับที่ดีในด้านเนื้อหา วิธีการสอน และการตอบสนองของอาจารย์ผู้สอนต่อความต้องการของผู้เรียน

          แนวทางเสริมคือควรส่งเสริมให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเชิงลึกและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมผ่านแบบสอบถามหรือกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงวิธีการสอนและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสมและตรงจุดมากขึ้น
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยจะผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่ยังขาดการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นที่นักศึกษาพบว่าควรพัฒนา เช่น วิธีการสอนที่อาจยังไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนทุกกลุ่ม หรือการใช้สื่อการสอนที่หลากหลายไม่เพียงพอ

          แนวทางปรับปรุงคือควรจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลการสำรวจความพึงพอใจโดยละเอียด รวมถึงจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ผู้สอน เพื่อระบุจุดที่ต้องพัฒนาและร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงให้การเรียนการสอนมีคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ดัชนีบ่งชี้ผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators)
ผลการประเมิน
(ผ่าน / ไม่ผ่าน)
15. ระดับความพึงพอใจของนักศึกษาต่อทรัพยากรสนับสนุนการเรียนการสอน เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.51 จากคะแนน เต็ม 5.00
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น/ ขอข้อมูลเพิ่มเติม
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม

- รายงาน 4.58
- ผลการสำรวจความพึงพอใจของนักศึกษาต่อทรัพยากรสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น ห้องเรียน สื่อการเรียนการสอน และเทคโนโลยี มีคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.51 จากคะแนนเต็ม 5.00 แสดงถึงการจัดเตรียมทรัพยากรที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของนักศึกษาได้อย่างเหมาะสม

          แนวทางเสริมคือควรพัฒนาการจัดหาและปรับปรุงทรัพยากรสนับสนุนให้ทันสมัยและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสนับสนุนการเรียนการสอน
 

ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

- แม้ว่าคะแนนความพึงพอใจโดยรวมจะผ่านเกณฑ์ แต่ยังพบว่าบางทรัพยากรอาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนหรือความทันสมัย เช่น อุปกรณ์เทคโนโลยี ห้องเรียนที่ไม่เพียงพอ หรือสื่อการสอนที่ยังไม่ครอบคลุม

          แนวทางปรับปรุงคือควรมีการสำรวจและประเมินความต้องการทรัพยากรอย่างสม่ำเสมอ พร้อมวางแผนปรับปรุงและจัดหาเพิ่มเติมตามความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงพัฒนาระบบการจัดการและบำรุงรักษาทรัพยากรเพื่อรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
 

ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ผลการประเมินจากผลการดำเนินงาน ตัวบ่งชี้ 5.4
ข้อมูลพื้นฐาน ผลการประเมิน
จำนวนยืนยัน กรรมการ
[1] รวมจำนวนตัวบ่งชี้ในแต่ละปี 14 5.00
[2] จำนวนตัวบ่งชี้ที่ดำเนินการผ่านเฉพาะตัวบ่งชี้ที่ 1-5 1-5
[3] ร้อยละของตัวบ่งชี้ที่ 1-5 ที่ผ่าน [ถ้าผ่านทั้ง 5 ข้อจะเป็นร้อยละ 100] 100
[4] จำนวนตัวบ่งชี้ที่ดำเนินการผ่านรวม 14
[5] ร้อยละของตัวบ่งชี้ทั้งหมดที่ผ่าน 100.00
*หมายเหตุการกำหนดเงื่อนไขเกณฑ์การประเมิน
ถ้า [3] น้อยกว่าร้อยละ 100 ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 0.00
ถ้า [5] มีการดำเนินงานน้อยกว่า ร้อยละ 80 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 0.00
ถ้า [5] มีการดำเนินงานร้อยละ 80 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 3.50
ถ้า [5] มีการดำเนินงานร้อยละ 80.01 - 89.99 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 4.00
ถ้า [5] มีการดำเนินงานร้อยละ 90.00 -94.99 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 4.50
ถ้า [5] มีการดำเนินงานร้อยละ 95.00 -99.99 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 4.75
ถ้า [5] มีการดำเนินงานร้อยละ 100 ของตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ระบุไว้ในแต่ละปีมีค่าคะแนนเท่ากับ 5.00
ผลการประเมิน เฉลี่ยองค์ประกอบที่ 5 (4 ตัวบ่งชี้) คะแนนที่ได้ 3.50 คะแนน

องค์ประกอบที่ 6 สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้

[ตัวบ่งชี้ 6.1] สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้

คะแนนที่ได้ 3
ระบุเหตุผลที่ได้ 4 หรือ 5 คะแนน:
-
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ระบบการดำเนินงานของภาควิชา/คณะ/สถาบัน โดยมีส่วนร่วมของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร เพื่อให้มีสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม
- ระบบการดำเนินงานมีความชัดเจน มีความร่วมมือระหว่างอาจารย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาและบริหารจัดการสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เสริมสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ทันสมัย
 
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- ควรพัฒนากระบวนการประสานงานให้มีความเป็นระบบมากขึ้น เช่น การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจหรือตัวแทนจากภาควิชาเพื่อติดตามและวางแผนพัฒนาสิ่งสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับแต่ละหลักสูตร
 
จำนวนสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลที่เพียงพอและเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอน
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม
- มีการจัดเตรียมสิ่งสนับสนุนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอในระดับที่เหมาะสม เช่น ห้องเรียนที่ติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสาร สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล และระบบออนไลน์สำหรับการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่
 
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- ควรมีการสำรวจและประเมินสภาพการใช้งานของสิ่งสนับสนุนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมวางแผนการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนผู้เรียนและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ดิจิทัล
 
กระบวนการปรับปรุงตามผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาและอาจารย์ต่อสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
ข้อคิดเห็นเบื้องต้น / ขอข้อมูลเพิ่มเติม:
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดเด่นและแนวทางเสริม
- มีการเก็บข้อมูลความพึงพอใจของนักศึกษาและอาจารย์อย่างต่อเนื่องผ่านแบบสอบถาม ซึ่งนำไปสู่การวางแผนปรับปรุงสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และสิ่งอำนวยความสะดวกในหลักสูตร
 
ระบุข้อคิดเห็นที่เป็นจุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง
- จากผลการประเมิน 4.50 + เสนอแนะ 
หลักสูตรนำมาปรับปรุงอะไร?

- ควรพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลและติดตามผลการปรับปรุงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าการปรับปรุงสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ และเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมการศึกษาที่ทันสมัย

 
ให้เพิ่มเติมรายการหลักฐานดังนี้ (ถ้ามี)
ผลการประเมิน เฉลี่ยองค์ประกอบที่ 6 (1 ตัวบ่งชี้) คะแนนที่ได้ 3.00 คะแนน

รายงานผลการวิเคราะห์จุดเด่น/จุดแข็ง แนวทางเสริม จุดที่ควรพัฒนา และแนวทางปรับปรุง

จุดเด่นและแนวทางเสริม

  1. หลักสูตรยังคงมีความเข้มแข็งในด้านการบูรณาการการเรียนการสอนกับการวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพนักศึกษา และทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีส่วนร่วมกับชุนชนและสังคม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้นักศึกษาได้สร้างผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้แก่นักศึกษาอย่างเห็นผล
  2. มีการส่งเสริมให้คณาจารย์และนักศึกษามีการผลิตผลงานวิจัย และผลงานสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับบริบทของศาสตร์
  3. จากรายงานการคงอยู่ของนักศึกษาพบว่า มีอัตราการคงอยู่ในระดับที่สูง เมื่อเทียบกับการแข่งขันในหลักสูตรที่มีลักษณะคล้ายกัน แสดงให้เห็นว่าหลักสุตรมีระบบการดูแลนักศึกษาที่ดี และผู้เรียนมีความเชื่อมันต่อการเรียนในหลักสูตร
  4. หลักสูตรมีกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้เชื่อมโยงกับมาตรฐานวิชาชีพ รวมทั้งมีความร่วมมือกับสถานประกอบการเอื้อให้บัณฑิตมีความพร้อมทั้งความรู้ ทักษะ สามารถนำไปใช้ได้จริงตามที่ตลาดแรงงานต้องการ

จุดที่ควรพัฒนาและแนวทางปรับปรุง

  1. หลักสูตรควรมีการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่ปรับปรุงใหม่ที่จะเปิดดำเนินการในปีการศึกษาหน้า 1. อุปกรณ์และสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ต่างๆ ที่ทันสมัย เนื่องจากปัจจุบันการสร้างสรรค์งานอีเวนท์และการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่จะใช้เครื่องมือการสื่อสารหลายชนิดเข้ามา สร้างความน่าสนใจ 2. การส่งเสริมและพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ๆให้กับอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาต่างๆที่ปรับเพิ่มตามหลักสูตรที่ปรับปรุง 3. การเพิ่มช่องทางใหม่ๆในการมีส่วนร่วมกับชุนชนและสังคม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานอีเวนท์ที่หลากหลาย
  2. การใช้ข้อมูลประเมินผลเพื่อการพัฒนาหลักสูตรยังไม่เต็มประสิทธิภาพ มีการเก็บข้อมูลและรายงานผลการประเมินหลายด้าน แต่ยังขาดการวิเคราะห์เชิงลึกและการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การติดตามผลของการปรับปรุงและการสื่อสารผลลัพธ์กับผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ
  3. ความครอบคลุมในการพัฒนาบุคลากรทั้งอาจารย์และบุคลากรสนับสนุนยังมีช่องว่าง การส่งเสริมพัฒนาทางวิชาการและวิชาชีพมีอยู่ แต่ยังไม่มีการติดตามและวางแผนพัฒนาที่เป็นระบบและต่อเนื่องสำหรับทุกกลุ่มบุคลากร โดยเฉพาะบุคลากรสนับสนุนที่มีบทบาทสำคัญต่อการเรียนการสอนยุคดิจิทัล
  4. มีจำนวนนักศึกษาเข้าใหม่ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา (2566) ค่อนข้างมาก จึงควรพัฒนาเพิ่มช่องทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์หลักสูตรทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะสาขาได้มีการปรับปรุงหลักสูตร โดยเปลี่ยนชื่อสาขาและเนื้อหาหลักสูตรในปีการศึกษา 2568 ที่จะถึงนี้ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

สรุปผลการดำเนินงานตามตัวบ่งชี้

ตัวบ่งชี้คุณภาพ ผลดำเนินการ
กรรมการ
1.1 การบริหารจัดการหลักสูตรตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรที่กำหนดโดยสกอ. ผ่าน
2.1 คุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561 4.72
2.2 ร้อยละของบัณฑิตปริญญาตรีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระภายใน 1 ปี 4.62
3.1 การรับนักศึกษา 3.00
3.2 การส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา 3.00
3.3 ผลที่เกิดกับนักศึกษา 3.00
4.1 การบริหารและพัฒนาอาจารย์ 3.00
4.2 คุณภาพอาจารย์ 5.00
4.3 ผลที่เกิดกับอาจารย์ 4.00
5.1 สาระของรายวิชาในหลักสูตร 3.00
5.2 การวางระบบผู้สอนและกระบวนการจัดการเรียนการสอน 3.00
5.3 การประเมินผู้เรียน 3.00
5.4 ผลการดำเนินงานหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.00
6.1 สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ 3.00
ผลการประเมินเฉลี่ยรวม [13 ตัวบ่งชี้] 3.64

การวิเคราะห์คุณภาพการศึกษาภายใน ของคณะกรรมการประเมิน ฯ

องค์ประกอบ ตัวบ่งชี้ I P O คะแนนเฉลี่ย ผลการประเมิน
1 ผ่านการประเมิน หลักสูตรได้มาตรฐาน
2 2 - - 4.67 4.67 ระดับคุณภาพดีมาก
3 3 3.00 - - 3.00 ระดับคุณภาพปานกลาง
4 3 4.00 - - 4.00 ระดับคุณภาพดี
5 4 3.00 3.67 - 3.50 ระดับคุณภาพดี
6 1 - 3.00 - 3.00 ระดับคุณภาพปานกลาง
ผลการประเมิน 3.43 3.50 4.67 3.64 ระดับคุณภาพดี
ระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพดี ระดับคุณภาพดี ระดับคุณภาพดีมาก